วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ปรมาจารย์ลัทธิมาร ตอนที่120 (แปลไทย) NC18+ จากอรุณรุ่งจนพลบค่ำ




Chapter 120: Special Extra—From Dawn to Dusk



ตอนพิเศษที่ไม่มีเลขตอนใน JJWXC



นี่ก็เลยยามไฮ่มานานแล้ว (21.00 น.), แต่เว่ยอู๋เซียนยังไม่กลับมา โคมไฟกระดาษบนโต๊ะยังคงส่องแสงสว่างไสว หลานวั่งจีกำลังจ้องไปยังเปลววูบวาบของมันตาไม่กระพริบ สักครู่หลังจากนั้นเขาก็ยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ทางเข้าของเรือนรับรอง  แล้วเปิดบานประตูไม้ออก

ยืนได้ไม่ทันนานเท่าไหร่, เขากำลังตัดสินใจจะก้าวออกไปแต่ต้องพบกลับความรู้สึกไม่ชอบมาพากลจู่โจมมาจากทางด้านหลัง

หลานวั่งจีหมุนกายไปรอบๆแล้วพบว่าหน้าต่างในเรือนถูกเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจรู้  มันพลิกเปิดๆปิดๆไปมาตามสายลมในยามค่ำคืน ผ้าห่มบนเตียงอยู่ๆก็นูนขึ้น คล้ายกับว่ามีบางอย่างพังหน้าต่างเข้ามา แล้วก็กลิ้ง ม้วน ขดอยู่ภายในนั้น ทั้งยังขยับดุ๊กดิ๊ก                 
หลังจากอึ้งไปสักพัก, หลานวั่งจีก็ปิดประตูลงเบาๆ เขากลับเข้าไปในห้อง ระหว่างทางก็ดับโคม  ปิดหน้าต่าง แล้วจากนั้นก็ก้าวขึ้นไปบนเตียง เขานอนลงข้างๆก้อนผ้าห่มนูนๆนั่น ค่อยๆดึงผ้าห่มอีกผืนขึ้นมาห่ม แล้วปิดเปลือกตา

ทันใดนั้น, อะไรสักอย่างที่เป็นตัวใหญ่ๆ และเย็นๆ ก็มาแอบในผ้าห่มของเขา เจ้าสิ่งนั้นเข้ามาซุกเข้ากับร่างกายของเขา ตรงตำแหน่งหน้าอก, แล้วพูดขึ้นมาเบาๆ, “หลานจ้าน, ข้ากลับมาแล้ว! ท่านควรจะรับขวัญข้านะ

หลานวั่งจีใช้แขนโอบรอบคนข้างๆ, “ทำไมตัวของเจ้าจึงเย็นเช่นนี้

เว่ยอู๋เซียน, ข้าโต้ลมอยู่ข้างนอกตั้งครึ่งค่อนวัน! ให้ข้ายืมความอบอุ่นจากท่านมาบ้างได้หรือไม่

สาเหตุที่ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเศษฝุ่น เศษหญ้า ก็คือ เขาต้องพาศิษย์รุ่นเยาว์ของอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ออกไปล่าสัตว์อสูรและปราบปิศาจที่ภูเขาอันห่างไกล

เว่ยอู๋เซียนกลิ้งไปรอบเตียงและผ้าห่มในชุดเสื้อผ้าที่สกปรก, และหลานวั่งจีก็มิใส่ใจจะเอ่ยปรามอะไร, ทั้งๆที่ปรกติแล้วเขาเป็นคนที่รักความสะอาดอย่างมาก, เขากระชับวงแขนแน่นขึ้น, กอดเว่ยอยู๋เซียนอย่างแนบแน่นเข้าไปอีก

หลังจากให้ความอบอุ่นแก่คนข้างๆด้วยร่างกายของตนเองแล้ว, หลานวั่งจีจึงเอ่ย, “อย่างน้อยก็ถอดรองเท้าเถอะ

เว่ยอู๋เซียนตอบ, “ได้จากนั้นเขาก็ถอดรองเท้าบูทของตนเองออกโดยการเตะไปมากับขาอีกข้าง สะบัดมันออก ก่อนจะแอบเข้าไปในผ้าห่มเพื่อใช้ความเย็นในกายแช่แข็งหลานวั่งจี

หลานวั่งจี กล่าวปรามเบาๆ, อย่าซน

เว่ยอู๋เซียน, “ข้าอยู่บนเตียงของท่านเรียบร้อยแล้วนะ, แต่ท่านกลับบอกข้าไม่ให้ซุกซน?”

หลานวั่งจี, ท่านอากลับมาแล้ว

ที่พักของหลานฉี่เหรินอยู่ไม่ไกลจากเรือนรับรองของพวกเขาเท่าใดนัก และหลานฉี่เหรินก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าของเว่ยอู๋เซียนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาทำให้เกิดมีเสียงที่ไม่เหมาะไม่ควรเล็ดลอดออกไป, วันต่อมาท่านอาต้องมาระบายโทสะใส่พวกเขาแน่ๆ อาจถึงกระทั่ง เหวี่ยงหมัดใส่เว่ยอู๋เซียน

แต่เว่ยอู๋เซียนกลับแทรกเข่าของเขาเข้าไปกลางหว่างขาทั้งสองของหลานวั่งจี, ถูไถมันเข้ากับร่างตรงหน้า ทั้งปลุกเร้าอารมณ์ แสดงความปรารถนาอยากมีอะไรอย่างโจ่งแจ้ง โดยใช้ภาษากาย

หลังจากเงียบไป, หลานวั่งจีก็ใช้แรงพลิกกายของเว่ยอู๋เซียนแล้วกดเขาไว้ใต้ร่าง

การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างป่าเถื่อน ใช้กำลังบังคับ ทำรุนแรง จนเกิดเสียงกระแทกกับเตียงไม้ดังลั่น

ช้าก่อน, เย็นไว้, ใจร่มๆ...ช้า...ลงหน่อย!”

หลานวั่งจีตรึงเว่ยอู๋เซียนไว้บนเตียง, ใช้พลังโถมยัด อัดกระแทกเสือกใส่อาวุธคู่กายเข้าไปจนสุดกระทั่งลอนหน้าท้องแกร่งของเขากระทบเข้ากับแก้มก้นอันเปลือยเปล่าของเว่ยอู๋เซียน  ลึกจนไม่สามารถแทรกเข้าไปได้ลึกมากไปกว่านี้แล้วเขาจึงหยุด

เว่ยอู๋เซียนค่อยๆปล่อยลมหายใจเบาๆ สะบัดศีรษะ รู้สึกกลัวจนไม่กล้าเคลื่อนไหว เขาส่ายสายตาไปมาอย่างกระวนกระวาย อยากจะถดกายออกมาสักเล็กน้อย แต่หลานวั่งจีจับสังเกตได้ว่าเขากำลังจะทำอะไรจึงขึงสะโพกของเว่ยอู๋เซียนไว้แล้วเสียบอาวุธคู่กายกลับเข้าไปใหม่ให้ลึกกว่าเดิม

เว่ยอู๋เซียนตอบได้เพียง อ่าห์” , เขาประท้วงออกมา, “หานกวงจวิน!”

หลังจากอดทนอยู่สักพักหลานวั่งจีจึงกล่าวออกมา, “เป็นเจ้าที่ร้องขอในจังหวะที่หยุด แล้วเขาก็ขยี้บด อัดกระแทกเข้ากระแทกออกต่อไป

เว่ยอู๋เซียนถูกกักขังอยู่ใต้ร่างของหลานวั่งจีอย่างแนบแน่น โดยที่ขาทั้งสองข้างถูกยกขึ้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง นวลแก้มขึ้นเป็นสีแดงปลั่ง ทุกครั้งที่หลานวั่งจีขยับแทงอาวุธคู่กายเข้าใส่  ร่างของเว่ยอู๋เซียนจะกระเด้งขึ้นมารับ, และปลดปล่อยเสียงครวญครางออกมา  หลังจากที่ทำกันอย่างหนักหน่วงได้สักพัก, ในที่สุดหลานวั่งจีก็ไม่อาจทนให้เว่ยอู๋เซียนส่งเสียงแบบนี้ต่อไปได้อีก เขาพยายามควบคุมลมหายใจที่กำลังหอบหนัก บังคับเสียงพูดให้เปล่งออกมาอย่างยากลำบาก, “เจ้า..เจ้าเบาเสียงหน่อย

เว่ยอู๋เซียนเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของหลานวั่งจี เขาพบว่ามันค่อนข้างจะแปลกอยู่มาก—ใบหน้าได้รูปของหลานจ้านนั้นกระจ่างใส ทั้งให้ความรู้สึกอุ่นๆเมื่อแตะถูก, และแทบไม่เปลี่ยนไปจากเดิมคือไม่มีร่อยรอยของสีแดงสักนิด, ยังคงหล่อเหลา และขาวพิสุทธิ์ราวหิมะ หากแต่ว่าเขาแทบจะควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจที่รัวเร็วกระชั้นถี่ไม่ได้ อ่อแล้วก็ยังมีปลายติ่งหูที่ถูกแต้มสีชมพูอ่อนอยู่นิดหน่อย เว่ยอู๋เซียนถอนหายใจ, “ท่านพี่, ท่านมิอยากได้ยินเสียงครางของข้าหรอกหรือ?”

หลานวั่งจี, “…”

ได้เห็นหลานจ้านเป็นแบบนี้, ละอายที่จะพูดความจริง ทั้งยังไม่กล้าโกหก, เว่ยอู๋เซียนรู้สึกได้ว่าทั้งร่างของเขาถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกยินดีปรีดาที่อธิบายไม่ถูก, ส่งผลให้เขาสามารถดูดกลืนอาวุธคู่กายของหลานวั่งจีเข้าไปจนหมด แล้วกล่าวต่อว่า, “หรือกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินเสียงครางของข้า? ไม่เห็นจะยากเลย—แค่ทำให้ข้าส่งเสียงออกมาไม่ได้สิ

หน้าอกของหลานวั่งจีกระเพื่อมขึ้นลงอย่างหนัก, ดวงตาของเขาราวกับมีเลือดคั่งอยู่  เว่ยอู๋เซียนยังคงกระตุ้นต่อ, มาสิ มาทำให้ข้าเงียบ  ทำรักกับข้า ทำทุกอย่างที่ท่านอยากทำ ข้าคงไม่สามารถส่งเสียงอะไรได้อีกถ้าถูกท่านทำรักจนขาดใจตาย...

ก่อนที่เขาจะพูดจบ, หลานวั่งจีก็โค้งตัวลงมาแล้วปิดริมฝีปากของเขาเอาไว้

หลังจากถูกปิดปากเอาไว้, แขนขาทั้งสี่ของเว่ยอู๋เซียนก็เลื้อยไล้พันคนข้างบนไปทั่ว ทั้งสองร่างกลิ้งไปทั่วเตียงทั้งยังโอบกอดกันแนบแน่น ผ้าห่มก่อนหน้านี้ถูกโยนลงไปบนพื้น บนเตียงนั้น,หลานวั่งจีมักไม่ค่อยเปลี่ยนท่าเวลาทำรักบ่อยนัก หลังจากที่ทนอยู่ร่วมชั่วโมง เว่ยอู๋เซียนก็รู้สึกชาดิกไปตลอดทั้งหลังจนถึงขา และสันนิษฐานได้ว่าเขาอาจจะถูกทำรักอยู่ในท่านี้ไปจนตลอดทั้งคืนก็เป็นได้  ได้เห็นด้านที่ร้อนแรงของหลานวั่งจีที่ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลงง่ายๆ เขายิ่งรู้สึกว่ามันต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ ดังนั้นเว่ยอู๋เซียนจึงมีความคิดที่จะพลิกกายมาเป็นฝ่ายอยู่บนตัวของหลานวั่งจีแทน เขาโอบแขนรัดรอบๆคอของหลานวั่งจี, คล่อมขี่หลานวั่งจีไปด้วย ขบติ่งหูเขาไปด้วย,  ลึกพอหรือไม่?”

กระซิบกระเส่าผะแผ่วโดยพ่นลมทั้งร้อนและเปียกอยู่ข้างหู, หลานวั่งจีเอื้อมมือไปกดไหล่ของเขาลงอย่างรุนแรง

จริงๆอาวุธคู่กายของหลานวั่งจีมันก็ถูดสอดเข้าไปลึกมากอยู่แล้ว เว่ยอยู่เซียนสบถ พยายามกอดกลับ, หลานวั่งจีลูบสะโพกด้านหลังของเขาพลางย้อน, “ลึกพอหรือไม่?”

เว่ยอู๋เซียนยังไม่ทันหายตกใจ ริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบออกไปได้, ทันได้นั้นเขาก็ครวญออกมาด้วยใบหน้าเหยเก, “อ่าห์! เดี๋ยวก่อน! เก้า..เก้าตื้น หนึ่งลึก*!”

(* วลี 9 ตื้น 1 ลึก = phrase ‘nine shallow’s and a deep’ มาจาก เทคนิคร่วมรักของคนจีน หมายถึงฝ่ายทำสอดใส่เข้าไปตื้นๆก่อน สัก 1.5-2 นิ้ว เข้าออก 9 ครั้ง แล้ว ค่อย สอดลึกเข้าไปจนมิดหมด 1 ครั้ง สลับไปเรื่อยๆถึงกับต้องเซิจกูเกิลหา -.,- ”

ภายใต้ความทรมาน, เว่ยอู๋เซียนใช้มือข้างหนึ่งปิดหน้าท้องของตนเองไว้ แล้วใช้มืออีกข้างเกาะไหล่ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นของหลานวั่งจี เขาตะโกนออกมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี, “หลานจ้าน! ท่านไม่เข้าใจเรื่อง 9 ตื้น 1 ลึกหรือ!? ท่าน, ไม่, จำเป็น, ต้อง, ต้อง... 
ประโยคสุดท้ายกลับแตกกระจัดกระจายจากการบดกระแทกอย่างหนักหน่วง  หลานวั่งจี, ไม่

ถึงแม้ในตอนแรกเขาจะร้องไห้ คร่ำครวญ สรรหาถ้อยคำทั้งหลายมาอ้อนวอนขอความเมตตาปราณี, แต่ต่อมาในครึ่งคืนหลัง, หลังจากเสร็จสมไปสองรอบ, เว่ยอู๋เซียนยังคงใช้ขาทั้งสองล๊อกสะโพกของหลานวั่งจีไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

ร่างของหลานวั่งจียังอยู่ด้านบนของเว่ยอู๋เซียน, เขาพยายามที่จะไม่ทิ้งน้ำหนักลงมาใส่คนใต้ร่าง ในขณะที่ส่วนเชื่อมต่อของทั้งสองยังฉ่ำชื้นและเปียกลื่น อาวุธคู่กายของหลานวั่งจีดูเหมือนจะกำลังตื่นขึ้นมาอีกครั้งจากการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย  เว่ยอู๋เซียนจึงชักขากลับ ส่วนปากทางอ่อนนุ่มเล็กค่อยๆเคลื่อนตามท่อนเอ็นหยูดหยุ่นคลอเคลียกัน

เว่ยอู๋เซียนกล่าวอย่างเกียจคร้าน, “อย่าขยับ เดี๋ยวลมเข้า พักแบบนี้สักครู่ได้หรือไม่

หลานวั่งจีได้ฟังจึงหยุดเคลื่อนไหว ไม่นานต่อมาเขาจึงหันไปถามเว่ยอู๋เซียน, “เจ้าไม่รู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวบ้างหรือ?”

เว่ยอู๋เซียนทำหน้าปั้นยาก, “ย่อมรู้สึกสิ ข้ารู้สึกเหมือนถูกบดขยี้ยำยีจนทุกอย่างจวนเจียนจะระเบิด ท่านไม่ได้ยินเสียงครวญครางของข้าหรอกหรือ ว่ามันช่างน่าเวทนาเพียงใด?”

“…” หลานวั่งจี, “เช่นนั้นข้าจะเอาออก

เว่ยอู๋เซียนรีบเปลี่ยนท่าทีขึ้นมาทันใด, เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา, “ข้าชอบเวลาที่ท่านเข้ามาเติมเต็มเช่นตอนนี้ มันช่างวิเศษนัก ข้ารู้สึกดีมากจริงๆนะ

พูดไปพลางตอดขมิบปากทางรักขึ้นมาในทันใด หลานวังจีพลันหน้าเปลี่ยนสี—กระทั่งลมหายใจยังสะดุดไป หลังจากพยายามควบคุมตนเองไว้จนได้ เขาก็ตอบกลับไปด้วยเสียงแหบแห้งว่า, “... ไร้ยางอายนัก

เห็นเขาโมโหแทบคลั่ง, เว่ยอู๋เซียนหัวเราะเสียงดัง ทั้งยังระดมจูบไปที่ริมฝีปากของเขา, ท่านพี่, ไม่ใช่สิ่งที่เราทำกันมาจนถึงตอนนี้หรอกหรือ ที่เรียกว่าไร้ยางอาย?”

หลานวั่งจีส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขากดเสียงต่ำ, ปล่อยของข้าออกมา แล้วเจ้าไปอาบน้ำเสีย

เว่ยอู๋เซียนรู้สึกเพลียอยู่บ้าง เขาจึงตอบไปอย่างล่องลอยแทบจะไม่รู้สติว่า, “ตอนนี้ไม่อาบ  พรุ่งนี้ค่อยอาบ วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว

หลานวั่งจีจูบหน้าผากของเขา, “อาบเถอะ ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะป่วย

เว่ยอู๋เซียนรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงจนไม่อาจตอบโต้หลานวั่งจีได้อีก สุดท้ายแขนขาอันแสนอ่อนนุ่มของเขาก็ตกลงข้างตัว หลานวั่งจีลุกขึ้นมาจากเตียง อันดับแรกเขาเก็บผ้าห่มที่ถูกโยนลงมาบนพื้นขึ้น, เอาไปห่มปิดร่างกายอันเปลือยเปล่าของเว่ยอู๋เซียนไว้อย่างมิดชิด จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้าที่ถูกเหวี่ยงกระจัดกระจายออกไปทั่วห้องมาแขวนไว้บนฉาก แล้วก็จัดการสวมเสื้อผ้าของตนเอง สำรวจดูว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วจึงออกไปนำน้ำสำหรับอาบเข้ามา

ครึ่งเค่อต่อมา, เว่ยอู๋เซียนผู้ที่จวนเจียนจะหลับแหล่มิหลับแหล่ถูกนำตัวมาแช่ไว้ในอ่างอาบน้ำไม้  อ่างนั้นถูกวางไว้ข้างๆโต๊ะทำงานของหลานวั่งจี หลังจากแช่อยู่สักพักหนึ่งเว่ยอู๋เซียนก็รู้สึกฟื้นคืนพลังชีวิตกลับขึ้นมาอีกครั้ง, เขาตบขอบอ่างแปะๆ, “ไม่มาอาบน้ำกับข้าหรือ, หานกวงจวิน?”

หลานวั่งจี, “ไว้ก่อน

เว่ยอู๋เซียน, “ทำไมต้องเอาไว้ก่อน? ,มาตอนนี้เลยมิได้หรือ!”

หลานวั่งจีมองเขา, แล้วระลึกถึงบางสิ่ง จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า, “พวกเรากลับมาที่นี่ได้ 4 วันแล้ว, และมีอ่างอาบน้ำของเรือนรับรองนี่ 4 ใบที่ถูกทำลายไป

สายตาที่มองมานั้นทำให้เว่ยอู๋เซียนรู้สึกว่าเขาต้องประท้วง เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเองแล้ว, “ใบล่าสุดที่ถูกทำลายไปนั้นไม่ใช่ความผิดของข้านะ

หลานวั่งจีนำกล่องใส่สบู่มาวางใกล้ๆให้เว่ยอู๋เซียนพอหยิบถึง, เสียงเขาราบเรียบเป็นปรกติ, “เป็นข้าเอง

เว่ยอู๋เซียนใช้มือวักน้ำราดไปยังส่วนคอของตนเอง ทำให้รอยคิสมาร์คสีแดงยิ่งเด่นชัดขึ้น, “ใช่แล้ว ใบก่อนหน้านั้นก็มิใช่ความผิดของข้าเช่นกัน  จริงๆแล้วหากกล่าวด้วยความสัตย์แล้วละก็—เป็นท่านที่ทำลายมันแทบทุกครั้ง  ติดเป็นนิสัยเสียของท่านไปแล้วกระมัง ตั้งแต่ครั้งแรกของพวกเราหน่ะ

หลานวั่งจีลุกออกไป แล้วเมื่อกลับมาเขาก็ส่งสุราเทียนจื่อเซี่ยวให้กับมือของเว่ยอู๋เซียนก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะทำงาน, “ใช่

หากเว่ยอู๋เซียนยื่นแขนออกนอกถังไปมากกว่านี้ เขาจะสามารถเชยคางของหลานวั่งจีได้ทีเดียว ซึ่งจริงๆแล้วเขาก็ทำแบบนั้นนั่นแหละ หลานวั่งจีหยิบกระดาษขึ้นมาสองสามแผ่น ทุกแผ่นมีตัวอักษรอยู่เต็มไปหมด จากนั้นเขาก็เริ่มอ่านแล้วเขียนคำวิจารณ์สั้นๆเอาไว้ เว่ยอู๋เซียนมุดกลับลงไปในอ่างน้ำ เปิดสุราแล้วกระดกดื่มก่อนจะถามว่า, “ท่านกำลังอ่านสิ่งใดหรือ?”

หลานวั่งจี, “บันทึกการออกล่าราตรีหน่ะ

เว่ยอู๋เซียน, “ของพวกศิษย์รุ่นเยาว์หรือ? ท่านมิใช่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบการทำบันทึกเหล่านี้มิใช่หรือ? ข้าว่าน่าจะเป็นท่านอาของท่านเป็นผู้รับผิดชอบเสียอีก

หลานวั่งจี, “หากท่านอามีกิจธุระมาก, ข้าจะมาช่วยดูแลบ้างเป็นครั้งคราว

อาจจะเป็นเพราะหลานฉี่เหรินกำลังวุ่นวายกับงานอื่นที่สำคัญมากกว่า งานเหล่านี้จึงตกมาอยู่ในความรับผิดชอบของหลานวั่งจีชั่วคราว เว่ยอู๋เซียนคว้ากระดาษขึ้นมาสองสามแผ่นแล้วพลิกไปพลิกมา, “ในครานั้น, อาของท่านเขียนคำวิจารณ์ทีหนึ่งเป็นร้อยๆตัวอักษร ก่อนจะไปถึงตอนสรุปจบข้างท้ายอีกสองสามบรรทัด ซึ่งน่าจะปาเข้าไปนับพันตัวอักษรได้ ข้าไม่รู้เลยว่าเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปเขียน อ่อ แต่คำวิจารณ์ของท่านน่าจะสั้นกว่าใช่หรือไม่?

หลานวั่งจี, “แล้วไม่ดีหรือ?”

เว่ยอู๋เซียน, “ดีสิ! สั้น กระชับ เยี่ยมไปเลย

ที่หลานวั่งจีลงคำวิจารร์ไว้อย่างสั้นๆนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอย่างชุ่ยๆ เขาไม่มีทางลดความเข้มงวดกวดขันลงแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นงานที่ง่ายมากเพียงใดก็ตาม , ยิ่งกว่านั้น มันเป็นนิสัยของเขาที่ชอบจะสรุปใจความให้สั้น กระชับ ไม่ว่าจะเป็นกับการพูดจา หรือภาษาเขียน เว่ยอู๋เซียนฝังศีรษะของตนลงไปใต้น้ำและไม่โผล่ขึ้นมาอีกเป็นเวลานาน, ผมเผ้าเปียกไปทั่ว เขาใช้มือหนึ่งจับสบู่แล้วถูไปทั่วเรือนผม ในขณะที่ใช้อีกมือเอื้อมไปคว้าบันทึกที่อยู่บนโต๊ะมาอ่าน หลังจากที่อ่านไปได้นิดหนึ่งเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา, “ใครเขียนอันนี้? มีแต่ข้อผิดพลาดเต็มไปหมด—ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ, ข้ารู้แล้วนี่เป็นของจิ่งอี๋  ท่านให้คะแนนเขาได้ ระดับ ดี*”

 *(เจีย = A = ยอดเยี่ยม, อี้ = B = ดี , ปิง = C = พอใช้, D = แย่, ไม่สมควรเป็นผู้ฝึกตน)

หลานวั่งจี, “ใช่

เว่ยอู๋เซียน, “ยังมีบันทึกอีกหลายแผ่นที่ข้าเห็น ล้วนได้แต่ระดับ ดีเจ้าพวกเด็กน่าสงสาร

หลานวั่งจี, “ของพวกนั้นละเอียดพอใช้ แต่ก็ยังมีจุดที่ไม่ถูกต้อง

เว่ยอู๋เซียน, “แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคะแนนอยู่ในระดับ ดี’”

หลานวั่งจี, “ไม่เกิดอะไร แค่ต้องกลับไปเขียนมาใหม่

เว่ยอู๋เซียน, “พวกเขาต้องรู้สึกขอบคุณท่านแน่ๆ มันดีกว่าการถูกทำโทษให้ใช้แขนยืนต่างเท้า ในท่าหกสูงเป็นไหนๆ

หลานวั่งจีเก็บกระดาษที่เว่ยอู๋เซียนทำกระจัดกระจายอย่างเงียบๆ ก่อนจะนำพวกมันมาเรียงซ้อนกันแล้วจับมัดให้เป็นเล่ม ได้เฝ้ามองการเคลื่อนไหวนั่น ริมฝีปากของเว่ยอู๋เซียนก็ยกโค้งเป็นรอยยิ้ม เขาถามอีกครั้ง, “แล้วท่านให้คะแนนซือจุยในระดับใด?”

หลานวั่งจีดึงกระดาษบันทึกออกมาสองแผ่นแล้วส่งให้เขาดู, “ระดับยอดเยี่ยม

เว่ยอู๋เซียนรับมาแล้วอ่านคร่าวๆ, ลายมือของเขาเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก

หลานวั่งจี, “เขาสามารถจัดระเบียบข้อมูลได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล และตรงกับวัตถุประสงค์

พลิกกระดาษปึกหนึ่งในมือไปๆมาๆ, แล้วมองไปยังกองบันทึกบนโต๊ะที่ยังไม่ได้ทำเครื่องหมาย, ท่านต้องตรวจทั้งหมดนี่เลยหรือ? อยากให้ข้าช่วยสักนิดหรือไม่?”

หลานวั่งจี, “เอาสิ

เว่ยอู๋เซียน, “ข้าจะทำเครื่องหมายตรงข้อผิดพลาดที่ข้าเจอแล้วใส่คำวิจารณ์ไว้ดีหรือไม่?”

เขายืนมือออกไปรวบกระดาษปึกใหญ่ที่เหลือมาครึ่งหนึ่ง  หลานวั่งจีรีบแย่งกลับคืนมา  เว่ยอู๋เซียนจึงหดมือ, “ท่านจะทำอะไร?”

หลานวั่งจี, “นี่มันเยอะเกินไป เจ้าควรอาบน้ำให้เสร็จก่อน

เว่ยอู๋เซียนหันไปคว้าสุราเทียนจื่อเซี่ยวขึ้นมาจิบ  อีกมือก็ฉวยพู่กันขึ้นมา, “ข้ากำลังอาบน้ำแต่ก็ไม่ได้แปลว่าข้าจะทำอย่างอื่นไปด้วยไม่ได้นี่ มันน่าสนุกจะตายที่ได้อ่านบันทึกและเรียงความของเด็กๆรุ่นเยาว์พวกนี้

หลานวั่งจี, “หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเจ้าต้องพักผ่อน

เว่ยอู้เซียนรีบโอ้อวด, “ท่านคิดว่าข้าดูเหมือนคนที่ใกล้จะหลับในตอนนี้หรือ? ข้าคิดว่าข้าไม่มีปัญหาที่จะต่ออีก 2 รอบหรอกนะ, ถึงแม้ว่า..

ได้ยลเว่ยอู๋เซียนเกาะน้วยอยู่ที่ขอบอ่าง , ขณะกำลังตั้งใจอ่านบันทึก และทุกครั้งที่มีอะไรอยากจะเขียนคำวิจารณ์เขาก็จะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แสงเทียนที่สะท้อนออกมาจากนัยน์ตาของหลานวั่งจีในเวลานี้ช่างเป็นประกายวูบไหว เต็มไปด้วยความอบอุ่น อ่อนโยน

แม้ว่าคำพูดคำจาของเว่ยอู๋เซียนค่อนข้างจะเร่าร้อน อวดอ้างว่าตนสามารถทำรักต่อได้อีกสองรอบหรือกว่านั้น  แต่มันก็เป็นการยากที่เขาจะไม่เหน็ดเหนื่อย  ด้วยออกไปวิ่งรอบภูเขากับพวกเด็กๆอยู่เป็นวัน ทั้งยังสร้างความเสียหายทิ้งไว้บนเตียงอยู่อีกค่อนคืน ตรวจบันทึก ทำเครื่องหมายงานอีกเป็นปึก  หลังจากฝืนบังคับให้ตนเองทำงานในส่วนที่รับผิดชอบมาอย่างพิถีพิถัน เขาก็ปางานพวกนั้นไปไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเลื่อนตัวลงไปในน้ำ หลานวั่งจีรีบไปอุ้มเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็วแต่อ่อนโยน เช็ดตัวเขาให้แห้ง แล้วย้ายเขาไปไว้บนเตียง

จากนั้นหลานวั่งจีก็รีบอาบน้ำแล้วขึ้นมานอนบนเตียงเช่นกัน  เขากอดเว่ยอู๋เซียนไว้ในอ้อมแขน  เว่ยอู๋เซียนตื่นขึ้นมาชั่วครู่ สะลึมสะลือกระซิบไปที่กระดูกไหปลาร้าของเขา, “เด็กๆสกุลหลานเขียนเรียงความได้เก่งกันทีเดียว พวกเขามีจุดผิดพลาดกันเพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้นในตอนออกล่าราตรี

หลานวั่งจี, “อืม

เว่ยอู่เซียน, “แต่นั่นมิใช่ปัญหา...ข้าจะบี้พวกเขาให้หนักกว่านี้ในระหว่างที่ยังพักอยู่ที่อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่  พรุ่งนี้...ข้าจะพาพวกเขาไปบุกทำลายรังปีศาจบนภูเขาอีกครั้ง

ปีศาจบนภูเขา ขาเดียว นั้นมีพลังมหาศาล และทั้งร่างปกคลุมไปด้วยขนสีดำ พวกมันกินคนไม่ต่างจากเคี้ยวผัก หากเป็นผู้อื่นได้ยิน คงคิดว่าสิ่งที่เว่ยอู๋เซียนพูดนั้นไม่ต่างจากการพาเด็กน้อยขี้มูกย้อยเป็นฝูงไปวิ่งเล่น ปีนหลังคา ขโมยไข่นกอะไรเทือกนั้นเป็นแน่

มุมปากของหลานวั่งจียกขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับว่าเขากำลังจะยิ้ม, “วันนี้ก็เป็นปีศาจภูเขาอีกเหมือนกันหรือ?

เว่ยอู่เซียน, “ใช่แล้ว ข้าถึงบอกท่านอย่างไร ว่าข้ายังมีงานที่ต้องทำอีกมาก จากนี้เป็นต้นไป ปีศาจภูเขาจะมีขาแค่ข้างเดียว พวกมันจะได้ออกไปจากภูเขา ขาเดียวไม่ได้  ถ้าพวกมันเจอกิ้งก่าสี่ขา แมงมุมแปดขา หรือตะขาบร้อยขา ก็เตรียมตัวตายได้เลย...โอ้, ใช่แล้ว หานกวงจวิน, ข้าไม่มีตังค์จะใช้แล้ว ท่านให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่?”

หลานวั่งจี, “นำป้ายหยกที่ข้าให้ไว้ไปเบิกออกมาสิ.”

เว่ยอู๋เซียนหัวเราะในลำคอ, “นอกจากใช้สำหรับผ่านเข้าออกเขตอาคมป้องกันอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่แล้ว ป้ายหยกที่ท่านมอบให้.....ยังสามารถให้ข้าเบิกเงินได้อีกหรือ?”

ใช่หลานวั่งจี, “เจ้าได้ไปทำลายร้านค้าแผงลอย หรือบ้านเรือนผู้คนระหว่างทางที่ไปมาหรือ?”

เว่ยอู๋เซียน, “ไม่...ย่อมมิใช่....ข้าหมดเงินไปเพราะหลังจากออกล่าราตรี ข้าพาพวกเด็กๆไปกินอาหารหูหนานที่เมืองเซียอี้...เมืองที่ท่านไม่ยอมเหยียบเข้าไปไม่ว่าข้าจะชักจูงอย่างไรก็ตาม...ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...หยุดคุยกับข้าเถิดนะ,หลานจ้าน...

หลานวั่งจี, “ได้

เว่ยอู๋เซียน, “...ข้าบอกให้ท่านหยุดพูดไง...หากท่านพูดออกมาแม้แต่คำเดียว ข้าก็อดที่จะตอบกลับไปไม่ได้..ดังนั้น, หลานจ้าน, เข้านอนกันเถิด  ข้า...ทนไม่ไหวแล้ว...ข้าต้องหลับแล้ว...พบกันใหม่พรุ่งนี้หลานจ้าน...

เขาจูบไปที่คอของหลานจ้าน, จากนั้นก็หลับลึกลงไปอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ทุกอย่างทุกอย่างในเรือนรับรองตกอยู่ในความมืดมิดและเงียบสงัด

สักครู่ต่อมา, หลานวั่งจีก็พรมจูบอ่อนโยนไปยังกลางหน้าผากมนของเว่ยอู๋เซียน

เขากระซิบ, “เว่ยอิง, เจอกันพรุ่งนี้

10 ความคิดเห็น:

  1. ช่างโดนใจข้าหยี่งหนัก

    ตอบลบ
  2. หลานจ้านผู้ชายสายเปย์555

    ตอบลบ
  3. อร๊ายยเขิลหลานจ้านกับน้องอิงอิง🥰

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

    ตอบลบ
  5. หลานจ้านผู้อ่อนโยน?

    ตอบลบ