วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ปรมาจารย์ลัทธิมาร ตอนที่ 111 (แปลไทย) NC18+ ครั้งแรกของ #วั่งเซียน













Tanslated by K of Exiled Rebels Scanlations

https://exiledrebelsscanlations.com/gdc-chapter-111/


แปลไทยจากต้นฉบับอิ๊งนะคะ อ่านกันเล่นๆ มิใช่นักแปลอาชีพเน่อ 

                           


                             ปรมาจารย์ลัทธิมาร ตอนที่ 111 



พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น ตามถนนหนทางยังคงไร้ร้างผู้คน เว่ยอู๋เซียน และ หลานวั่งจี กำลังเดินเคียงคู่กันมา สดับได้เพียงเสียงกีบเท้าของลาน้อยที่ย่ำไปตามพื้นถนน

เว่ยอู๋เซียนนั่งอยู่บนหลังของน้องลา ตบสะโพกมันสองสามที กระเป๋าหนังที่ติดอยู่กับเข็มขัดรัดใต้ท้องของเจ้านั่นล้วนเต็มปรี่แทบปริทั้งยังแน่นและแข็งตึง เต็มไปด้วยแอปเปิ้ลที่เป็นของว่างซึ่งได้รับมาจากศิษย์น้องสกุลหลาน

เว่ยอู๋เซียนสุ่มหยิบแอปเปิ้ลจากด้านในถุงใส่มาวางไว้ตรงใกล้กับปากของตัวเอง จากนั้นก็แอบทอดสายตาไปยังเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของหลานวั่งจีจากด้านข้าง  เขากัดกร๊วมคำใหญ่เสียงดัง  มองดูแอปเปิ้ลของตัวเองถูกขโมยไปอย่างหน้าด้านๆ เสี่ยวผิวกั่วพ่นลมหายใจออกมาจนจมูกบาน ย่ำกีบเท้ากระแทกพื้น กุบกับ แต่เว่ยอู๋เซียนไม่มีเวลาไปสนใจมัน เขาตบข้าวของบนหลังลาน้อยพวกนั้นอีกสองสามทีให้เข้าที่ แล้วกัดกินแอปเปิ้ลที่เหลือต่อ  หลานจ้าน ท่านทราบหรือไม่ว่าคนที่ชื่อ ซีซี ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนกับมารดาของจินกวนเหยา

หลานวั่งจี ข้าไม่รู้

เว่ยอู๋เซียนไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราดีหรือไม่  ข้าแค่พูดเรื่อยเปื่อย, ไม่ได้ถามความเห็นของท่านจริงๆจังๆเสียหน่อย  ตอนนั้นที่วัดกวนอิม ข้ารู้สึกเห็นใจผีสาวตนนั้นนัก นางดูแลจินกวนเหยา และมารดาของเขาดีมาก

ท่ามกลางความเงียบ , หลานวั่งจีตอบกลับ, “ดังนั้นจินกวนเหยาจึงปล่อยนางไป

เว่ยอู๋เชียน มันก็สมควรเป็นเช่นนั้น แต่ข้ากลัวว่า ซือจุนจะใจอ่อนกับเขาอีก ดังนั้นข้าเลยไม่ได้พูดอะไรออกไป กระทั่งถึงตอนนี้ข้ายังไม่คิดว่าเราควรบอกเขา

หลานวั่งจี ถ้าอีกหน่อยเขาถาม, ข้าจะบอก"

เว่ยอู๋เซียน ก็คงต้องตามนั้น

เขาหมุนตัวแล้วเหลือบมองไปด้านหลัง ค่อยถอนหายใจออกมาอย่างหาได้ยากยิ่งข้าไม่ต้องการใส่ใจกับสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว พอแค่นี้

หลานวั่งจีส่ายหน้า กระชับบังเหียนของเสี่ยวผิงกั่วแน่น  แล้วจูงมันเดินต่อไป

แต่ละคนล้วนมีวิธีการรับมือกับปัญหาเป็นวิถีเฉพาะของตนเอง แม้กระทั่ง หลานซีเฉินจะเป็นพี่ชายคลานตามกันมาของเขา, หลานวั่งจีก็ไม่สามารถจะกระทำสิ่งใดเพื่อเป็นการช่วยเหลืออะไรเขาในตอนนี้ได้เลย การปลอบใจยิ่งไม่มีประโยชน์ ทุกอย่างดูใช้การไม่ได้ไปเสียหมด

หลังจากหยุดพัก, หลานวั่งจี ก็พูดขึ้น เว่ยอิง

เว่ยอู๋เซียน, ว่าอย่างไร?”

หลานวั่งจี, “ยังมีบางสิ่งที่ข้าไม่เคยบอกกับเจ้า

เว่ยอู๋เซียน รู้สึกว่าหัวใจของเขาเริ่มเต้นผิดจังหวะ มันคือสิ่งใดหรือ?”

หลานวั่งจีหยุดเดินแล้วเริ่มจ้องตรงไปยังเว่ยอู๋เซียน   พอเขาทำท่าเหมือนกำลังจะเอ่ยอะไรออกมาสักอย่าง เสียงฝีเท้าอันรีบเร่งของกลุ่มคนจำนวนมากก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง  

เว่ยอู๋เซียน พระเจ้า,พวกมันตามเรามาทันแล้ว

มีคนตามมาทันจริงๆแต่กลับเป็นเรื่องโชคดีกว่าที่พวกเขาคิด หลานซือจุยวิ่ง หอบแฮก นำขบวนมา ห..หานกวงจวิน, ศิษย์พี่เว่ย

เว่ยอู๋เซียนประครองศีรษะของน้องลาไว้ในอ้อมแขน, ซือจุยเออร์, ข้ากับหานกวงจวินกำลังหลบหนีอยู่ ไยเจ้าถึงโผล่มาที่นี่ได้? เจ้ามิใช่กลัวว่าจะถูกผู้อาวุโสหลานลงโทษหรอกหรือ?

หลานซือจุยหน้าแดงขึ้นมาทันใด, “ศิษย์พี่เว่ย อย่ากล่าวล้อเล่นเช่นนั้น ข้า..ข้ามาเพื่อถามบางสิ่งที่สำคัญยิ่ง!”

เว่ยอู๋เซียน, “ว่า?”

หลานซือจุย, “ข้าเริ่มจำบางสิ่งได้แต่ใคร่ไม่แน่ใจนัก, ดังนั้น ....ดังนั้น ข้าจึงมาเพื่อถามหานกวงจวิน และศิษย์พี่เว่ย

หลานวั่งจีปรายตาไปยังเขาก่อนที่จะมองไปยังเวินหนิง เวินหนิงพยักหน้า

เว่ยอู๋เซียน, สิ่งใด?”

หลานซือจุยสูดหายใจลึก อวดอ้างว่าตนเองมีทักษะการทำอาหารได้ในระดับสุดยอด แต่กลับปรุงอาหารออกมาได้น่าระคายเคืองต่อสายตาและกระเพาะอาหารยิ่งนัก

เว่ยอู๋เซียน, “ห๊ะ???”

หลานซือจุยยังสำทับ, “ฝังข้าไว้ในสวนหัวผักกาด, หลอกว่าข้าจะได้โตไวๆ เพราะได้ตากแดดและถูกรดน้ำ แล้วบางทีอาจจะมีเด็กคนอื่นๆแตกหน่อออกมาเล่นกับข้า

เว่ยอู๋เซียน, “…”

หลานซือจุย ยังไม่หยุด, “สัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวหานกวงจวิน แต่หนีไปก่อนจะจ่ายเงิน, ปล่อยให้หานกวงจวินเป็นฝ่ายเลี้ยงไปเสียทุกครั้ง

เว่ยอู๋เซียนเบิกตาถลน  เขาแทบจะทรงตัวอยู่บนหลังของเจ้าลาน้อยไม่อยู่อีกต่อไป  ทั้งยังกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกัก, “เจ้า..เจ้า...

ดวงตาของหลานซือจุยแทบจะจ้องผูกติดไว้กับ เว่ยอู๋เซียนและ หลานวั่งจีแบบไม่กระพริบ อาจจะเพราะข้ายังเด็กมาก ข้าจึงจำเรื่องส่วนใหญ่สมัยนั้นได้ไม่มากนัก แต่ ข้ามั่นใจว่า...ข้าเคยใช้ชื่อสกุลว่าเวิน

เว่ยอู๋เซียน เริ่มเสียงสั่น สกุลของเจ้าคือเวิน? มิใช่หลาน? หลานซือจุย, หลานเยวี่ยน..เขาพึมพำ, หลานเยวี่ยน...เวินเยวี่ยน?”

หลานซือจุย พยักหน้ารัวๆ เสียงของเขาก็สั่นไม่แพ้กัน, ศิษย์พี่เว่ย,..ข้า...ข้าคืออาเยวี่ยน..

เว่ยอู๋เซียนยังจัดการความคิดของตัวเองไม่ดีนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่, ยังคงสับสน, “อาเยวี่ยน..มิใช่เขาตายไปแล้วหรือ? เขาถูกฝังไว้เดียวดายบนภูเขาตอนนั้น...

ก่อนที่จะทันพูดจบ เสียงคมดาบของหลานซีเฉินก็สะท้อนก้องในหูของเขา พวกเขาบอกว่าในปีนั้นเป็นเขาที่เป็นผลลัพธ์จากความผิดพลาดของข้า  แต่ในความเป็นจริงคือ เจ้าแค่ล้มป่วยอยู่ตลอด แต่ถึงกระนั้นตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้าได้หมดลมหายใจไปแล้ว เขาได้ลากร่างของเจ้าไปฝังไว้บนเนินเพื่อจะให่ข้าได้มองเป็นครั้งสุดท้าย, ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม....

เขาหันควับไปทางหลานวั่งจี, หลานจ้าน, เป็นเจ้า?”

หลานวั่งจี, “ใช่เขาสบตาเว่ยอู๋เซียน, นี่คือสิ่งที่ข้าไม่เคยบอกเจ้า

เป็นเวลานาน, เว่ยอู๋เซียนถึงกับพูดอะไรไม่ออก

อย่างน้อย หลานซือจุยก็ทนต่อไปไม่ไหว  เขาร้องให้ออกมาด้วยเสียงดังลั่นน เขากระโดดเอามือข้างหนึ่งคล้องเว่ยอู๋เซียนไว้ และมืออีกข้างคล้องหลานวั่งจี, เขาดึงทั้งสองคนเข้ามาโอบกอดอย่างแนบแน่น  เว่ยอู๋เซียนและหลานวั่งจีถึงกับกระแทกเข้าด้วยกันจากการกอดนี้ เขาทั้งสองก็ประหลาดใจเช่นกัน

หลานซือจุยฝังศีรษะของตัวเองเข้าไประหว่างไหล่ของคนทั้งสองหานกวงจวิน, ศิษย์พี่เว่ย, ข้า...ข้า…

ได้ยินเสียงอู้อี้ในลำคอของเขา เว่ยอู๋เซียนและหลานวั่งจีได้แต่มองหน้ากันไปมาในระยะห่างตรงหน้าแค่ไม่กี่นิ้ว  พวกเขาล้วนเห็นบางสิ่งอ่อนหวานในแววตาของกันและกัน

เว่ยอู๋เซียนปรับอารมณ์ของตัวเองแล้ววางมือตบลงเบาๆที่หลังของหลานซือจุย  พอแล้ว, เจ้าจะร้องไห้หาอะไรนักหนา

หลานซือจุย, ไม่ได้ร้อง...แค่....ข้าแค่รู้สึกผิดหวัง แต่ก็มีความสุขมากไปด้วยกันหน่ะ  ..ข้าไม่รู้จะอธิบายยังไง...

หลังจากเกิดความเงียบไปพัก, หลานวั่งจีก็ยื่นมือไปลูบหลัง และตบเบาๆเพื่อปลอบใจเขาเช่นกัน

หลานวั่งจี, “งั้นก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย

เว่ยอู๋เซียน, “ถูกต้อง

หลานซือจุยไม่ได้ตอบอะไร เขากอดคนทั้งสองแนบแน่นยิ่งขึ้น

ต่อมาเว่ยอู๋เซียนก็อุทานขึ้นมาว่า, เฮ้,เฮ้,เฮ้, ทำไมแขนของเจ้าถึงแข็งแรงเช่นนี้? ต้องเป็นผลมาจากการสั่งสอนของหานกวงจวินอย่างแน่นอนสินะ

หลานวั่งจีปลายตาไปทางเขา, “เจ้าก็สอนเขามาเหมือนกันมิใช่หรือ

เว่ยอู๋เซียน, ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่เขาเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดี มีคุณภาพ

หลานซือจุย, “ศิษย์พี่เว่ยไม่เคยสอนอะไรข้าสักหน่อย

เว่ยอู๋เซียน, “ใครว่าข้าไม่เคย? ตอนนั้นเจ้ายังเด็กมากเลยเถอะ เจ้าถึงลืมทุกสิ่งที่ข้าสอนไปหมดหน่ะ

หลานซือจุย, “ข้าไม่ได้ลืมนะ ตอนนี้ข้าจำทุกอย่างได้หมดแล้ว ข้าคิดว่าท่านไม่ได้สอนอะไรข้าเลย

เว่ยอู๋เซียน, “จริงดิ?”

หลานซือจุยทำหน้าจริงจัง, "อ่อ ท่านสอนข้าว่าทำอย่างไรจึงจะปลอมหนังสือลามกให้เป็นหนังสือธรรมดาได้"

เว่ยอู๋เซียน, “…”

หลานวั่งจีจ้องไปทางเว่ยอู๋เซียนเขม็ง

หลานซือจุยยังเอ่ยต่อว่า ท่านยังสอนข้าอีกว่าหากมีสาวงามเดินผ่าน...

เว่ยอู๋เซียน, “ช่างไร้สาระนัก ทำไมเจ้าถึงจำได้แต่เรื่องแบบนี้  เจ้าคงฝันไปกระมััง  ข้าจะไปสอนเรื่องน่าตายเหล่านี้ให้แก่ผู้เยาว์ได้เช่นไร?

หลานซือจุยเงยหน้า, “ท่านลุงหนิงเป็นพยานได้ เขาก็อยู่ด้วยตอนที่ท่านสอนสิ่งเหล่านี้แก่ข้า

เว่ยอู๋เซียน, “พยานบ้าอะไร? ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น!

เวินหนิง, ข้า...ข้าจำอะไรไม่ได้เลย...

หลานซือจุยทำท่าสาบาน, หานกวงจวิน ทุกคำพูดของข้าเป็นความจริงนะ

หลานวั่งจี พยักหน้า, “ข้ารู้

เว่ยอู๋เซียนได้แต่เกรี้ยวกราดใส่เจ้าลาน้อย, ฮึ่ม, หลานจ้าน!” แต่มาคิดอีกที, เขาก็ถามกลับ บอกมานะ เจ้าจำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร, ซือจุย?”

หลานซือจุย, “ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน  บางอย่างมันให้ความรู้สึกคุ้นเคยมากเมื่อข้าเห็นขลุ่ยนั่น

เป็นอย่างที่คิดไว้เลย, ขลุ่ยนั่น เว่ยอู๋เซียน, “โอ้, แน่หล่ะว่าเจ้าจะต้องคุ้นเคยกับมันอยู่  เจ้าชอบกินขลุ่ยของข้านี่นา  ตอนนั้น เจ้าชอบทำน้ำลายไหลใส่มันจนทำให้ข้าไม่สามารถใช้มันบรรเลงเพลงได้

หลานซือจุยหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที, “จ..จริงๆหรือ..

เว่ยอู๋เซียน, ก็ใช่หน่ะสิ, ว่าแต่ว่าทำไมเจ้าถึงจำทุกอย่างได้ในตอนที่เพิ่งได้เห็นมัน? เจ้าอยากจะฟังเรื่องอื่นๆสมัยที่เจ้ายังเป็นเด็กอีกหรือไม่? เขาใช้เวทย์สร้างผีเสื้อสองตัวขึ้นมาบนฝ่ามือ, หานกวงจวิน, ท่านจำตอนนั้นที่ข้าเลี้ยงข้าวท่านได้หรือไม่, เมื่อเขาจับผีเสื้อคู่นั้นขึ้นมา ผีเสื้อจำนวนมากก็แตกตัวกระจายออกมาแล้วบินว่อนไปรอบๆ, พากันพูดว่า ข้าชอบเจ้า’, ‘ข้าก็ชอบเจ้าเช่นกัน’…”
 
ใบหน้าของหลานซือจุยมีสีแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆ เว่ยอู๋เซียนพูดต่อว่า, “โอ้ ใช่แล้ว, ตอนนั้นเจ้ายังเรียกหานกวงจวินว่า ท่านพ่อ ต่อหน้าต่อตาทุกคน , หานกวงจวินที่น่าสงสาร ช่างเป็นชายหนุ่มที่แสนบริสุทธิ์ไร้จุดด่างพร้อยในเวลานั้น กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นท่านพ่อของใครบางคนไปแล้ว...

อ๊าาาาาาาาาา!” หลานซือจุยตะโกนลั่น, ใบหน้าขึ้นสีแดงเถือก, “หานกวงจวิน, ข้าขอโทษ!”

หลานวั่งจีมองไปยังเว่ยอู๋เซียนที่กำลังแสยะยิ้ม แล้วส่ายศีรษะ, ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาทร อ่อนโยน

เว่ยอู๋เซียนพูดอีกครั้ง, “ใช่แล้ว, เวินหนิง, เจ้ารู้เรื่องพวกนี้หรือไม่?”

เวินหนิงพยักหน้า เว่ยอยู๋เซียนถึงกับช๊อค, งั้นแล้วทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้า?”

เวินหนิงแอบมองไปทางหลานวั่งจีแวบหนึ่ง, แล้วค่อยๆพูดอย่างระมัดระวังว่า, “นายน้อยหลานไม่ได้บอกให้รายงานท่าน,ดังนั้น...

เว่นอู๋เซียนถูกทำให้โมโห, “ทำไมเจ้าถึงเชื่อฟังเขามากขนาดนั้น? เจ้าคือขุนพลผี ทำไมขุนพลผีถึงกลัวหานกวงจวิน? เช่นนี้มิทำให้ข้าเสียหน้าแย่หรือ?

หลานซือจุยยังคงตะโกนไม่หยุดว่า, “หานกวงจวิน, ข้าขอโทษ!”



ที่ทางสี่แยกในป่าตรงชานเมืองอวิ๋นปิง

เวินหนิง, “นายน้อย, พวกเราจะไปทางนี้

เว่ยอู๋เซียน, ทางไหน?”

เวินหนิง, “มิใช่ท่านได้ถามว่าข้าต้องการจะทำอะไรต่อเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้วหรอกหรือ? ข้าได้บอกอาเยวี่ยนไปแล้ว อันดับแรกข้าจะไปที่ ฉีซาน เพื่อฝังเถ้าของผู้วายชนม์เหล่านั้น  แล้วข้ายังต้องการที่จะไปท่องเที่ยวรอบๆแถวนั้นเพื่อตามหาร่องรอยของพี่สาวสมัยที่นางยังมีชีวิตอยู่ เพื่อสร้างอนุสรณ์ให้นาง   

เว่ยอู๋เซียน, อนุสรณ์หน่ะ ข้าได้สร้างไว้หนึ่งแห่งสำหรับเจ้าและพี่สาว ที่ล่วนจั้งกั่งแล้ว แต่มันก็ล้วนถูกเผาทำลายไปจนสิ้น พวกเราก็จะไป ฉีซาน กับพวกเจ้าด้วย

เขาหันกลับไปถามหลานวั่งจี, แต่เวินหนิงก็ตอบไปก่อนว่า, นั่นไม่จำเป็นหรอก

เว่ยอู๋เซียนเกิดอาการลังเล, “เจ้าจะไม่ไปกับพวกเราหรือ?”

หลานซือจุย, ศิษย์พี่เว่ย, ท่านควรจะไปกับหานกวงจวิน

เว่ยอยู่เซียนกำลังจะพูดขึ้นมาอีก แต่เวินหนิงกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน, “มันไม่เป็นไรจริงๆนะ, นายน้อยเว่ย ท่านทำทุกอย่างมามากพอแล้ว

หลักจากความเงียบอีกพักใหญ่, เว่ยอู๋เซียนจึงถามขึ้น, งั้นหลังจากที่เจ้าทำงานนี้เสร็จแล้วหล่ะ?”

เวินหนิง, ส่งอาเยวี่ยนกลับกูซู, จากนั้นข้าอาจจะต้องใช้เวลาคิดอีกสักพักว่าจะทำอะไรต่อไป ท่านสามารถปล่อยให้ข้าพักผ่อนได้ในแบบของข้าด้วยตัวของข้าเอง

เว่ยอู๋เซียนค่อยๆพยักหน้า, “… ข้าก็คงเหมือนกัน

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆปีที่เวินหนิงตัดสินใจจะทำอะไรด้วยตนเอง ทั้งยังหยุดที่จะเดินซ้ำรอยกับทางเดิมที่เคยก้าวผ่าน เว่ยอู๋เซียนคิดว่านั่นคงเป็นเพราะเขามีบางสิ่งที่ต้องการจะทำให้ได้ด้วยความตั้งใจของตนเองอย่างแท้จริง

มันคงเป็นสิ่งที่เขาหวังมาโดยตลอด แต่ละคนที่มุ่งไปในทางของตนเอง ในที่สุดวันนั้นก็มาถึงจริงๆ มองดูร่างของเวินหนิง และ หลานซือจุย ออกเดินไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งพวกเขาลับสายตา เว่ยอู๋เซียนรู้สึกใจหาย

หลานวั่งจี คือผู้เดียวที่ยังเหลืออยู่ข้างกายเขาในตอนนี้  เขาช่างโชคดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลานวั่งจีคือคนคนเดียวกับผู้ที่เขาภาวนาอยากให้คนผู้นี้ดำรงอยู่เคียงข้างในทุกๆวัน

เว่ยอู๋เซียน, หลานจ้าน

หลานวั่งจี, “หืม

เว่ยอู๋เซียน, ท่านสอนเขามาดีมาก

หลานวั่งจี, ยังคงมีอีกหลายสถานการณ์ที่พวกเจ้าจะได้พบกันอีก

เว่ยอู๋เซียน, ข้ารู้

หลานวั่งจี, “หลังจากเวินหนิงส่งซือจุยกลับมาที่กูซู, เขาสามารถลงหลักปักฐานแถวๆนั้นได้ เจ้าจะได้เจอเขาอีกบ่อยๆ

เว่ยอู๋เซียนมองเขา, “หลานจ้าน, ท่านทำให้ข้ากลัวที่จะพูด ขอบคุณท่านจริงๆนะ อยู่ๆข้าก็จำขึ้นมาได้ว่า หลายครั้งในชีวิตของข้าที่ผ่านมา เมื่อข้าพูดขอบคุณ ต่อหน้าท่านทีไร ทุกครั้งพวกเราเป็นต้องแยกจากกันทุกที  แถมมันก็มีแต่เรื่องแย่ลงอยู่ร่ำไปในทุกครั้งหลังจากที่พวกเราได้กลับมาเจอกันใหม่

ตอนที่พวกเขาฆ่าเวินเฉา และเวินซูหลิว ตอนที่พวกเขากลับมาพบกันผ่านดงดอกไม้ที่ หอคอยอวิ๋นเมิง ตอนที่พวกเขาแยกจากกันที่ ล่วนจั้งกั่ง ทุกครั้ง เขาชินกับการใช้คำพูดที่เป็นการตัดรอนขีดเส้นแบ่งอย่างชัดเจนระหว่างเขากับหลานวั่งจี, สร้างระยะห่างระหว่างพวกเขาเอาไว้

ท่ามกลางความเงียบอันยาวนาน, หลานวั่งจีตอบกลับไปว่า, “ระหว่างเจ้ากับข้า, ไม่จำเป็นต้องกล่าว ขอบคุณ หรือ ‘ขอโทษ’”

เว่ยอู๋เซียนยกยิ้มที่ริมฝีปาก, แน่นอน, เช่นนั้นเรามาคุยกันเรื่องอื่นดีกว่า, เป็นต้นว่า...

เขาเบาเสียงลงทั้งยังทำท่าทางอ้าแขนรอรับหลานจ้านให้เข้ามาหา, จากนั้นยังเข้าไปกระซิบบางอย่างกับเขา หลานวั่งจีเคลื่อนกายเข้ามาประชิดใกล้ตามคาด  เว่ยอู๋เซียน(ที่ยังนั่งอยู่บนหลังน้องลา)ยื่นมือขวาของเขาขึ้นเชยคางของหลานวั่งจี, จากนั้นก็ค้อมตัวลงเพื่อประทับริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากของหลานวั่งจี

หลังจากนั้นอีกครู่ใหญ่ เว่ยอู๋เซียนผละรีมฝีปากออกเล็กน้อย แพขนตายาวยังกระพริบปัดใส่กันอย่างไม่มีใครยอมแพ้,เขากระซิบ, “เป็นเช่นไร?”

หลานวั่งจี, “…”

เว่ยอู๋เซียน, หานกวงจวิน, ท่านช่วยตอบสนองข้าสักนิดได้หรือไม่?

หลานวั่งจี, “…”

เว่ยอู๋เซียน, ท่านช่างเย็นชาเสียจริง ตอนนี้ มิใช่ว่าท่านควรจะต้องจับข้าขึงตรึงไว้บนพื้นดินหรอกหรือ..

ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยจนจบ, หลานวั่งจีก็ใช้มือของเขาโอบรอบลำคอของผ่อง บังคับโน้มศีรษะของเว่ยอู๋เซียนลงมา แล้วทั้งสองก็เริ่มต้นจูบกันอีกครั้ง

เสี่ยวผิงกั่วถูกทำให้ตกใจ กระทั้งปากที่กำลังเคี้ยวแอปเปิ้ลอยู่ยังอ้าค้าง มันกลายเป็นรูปปั้นลาน้อยไปแล้ว เสี่ยวผิงกั่วไม่สามารถจะพยุงเว่ยอู๋เซียนไว้บนหลังได้อีกต่อไป  หลานวั่งจีช้อนหลังเขาไว้ด้วยมือช้ายและช้อนเข่าเขาไว้ด้วยมือขวา ออกแรงอุ้มแค่ครั้งเดียวเขาก็พาเว่ยอู๋เซียนพ้นจากหลังเจ้าลาน้อยแล้ว

เป็นไปตามที่เขาปรารถนา, เว่ยอู๋เซียนถูกตรึงไว้บนพื้นและถูกปล้นจูบอย่างยาวนาน อยู่ๆเขาก็อุทานขึ้นมาว่า หยุด, หยุดก่อน

หลานวั่งจี, “มีอะไร?”

เว่นอู๋เซียนเสตาหลบ, “อยู่ๆข้าก็รู้สึก..…”

ต้นไม้ใหญ่ส่ายไหว ต้นหญ้าน้อยโยกเอน ลิ้นตวัดเกี่ยวพัน ข้ารู้สึกเหมือนเดจาวู เป็นภาพคุ้นๆเหมือนสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาคิดอยู่สักพัก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าคุ้นเคยยิ่ง เขาสรุปได้ว่าเขาควรจะถาม  หรืออย่างน้อยก็พยายามตอนออกล่าที่ภูเขานกยูง ตอนนั้นข้าปิดตาตัวเองไว้, หลานจ้าน, ท่าน...?”

เขายังถามไม่ทันจบ หลานวั่งจีก็ยังไม่ทันได้ตอบ, แต่นิ้วของเขากลับชะงักกลับเล็กน้อย  ตอนนั้นเว่ยอู๋เซียนรู้สึกถึงบางอย่างที่อยู่นอกเหนือจากการที่เขาแสดงออก  เว่ยอู่เซียนใช้ศอกข้างหนึ่งเท้าพื้นหญ้าเพื่อยกลำตัวส่วนบนขึ้นมา เขาแนบหูลงไปกับหน้าอกของหลานวั่งจี และเป็นไปตามคาด เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นอย่างแรงราวกับสายฟ้าฟาด

“…” เว่ยอู๋เซียนกำลังช๊อค, “โอ้, เป็นท่านจริงๆสินะ?!”

หลานวั่งจีแอบกลืนน้ำลายเอื้อกจนลูกกระเดือกขยับ, “ข้า…”

เว่ยอู๋เซียนรู้สึกประหลาดใจ, “หลานจ้าน, ใครจะไปคาดคิด? ว่าท่านจะทำอะไรแบบนี้?”

หลานวั่งจี, “…”

เว่ยอู๋เซียน, “ท่านรู้ไหม, ข้าคิดไปแล้วว่าคงเป็นฝีมือของสตรีขี้อายสักนางที่แอบมาหลงรักข้า แล้วไม่กล้ายอมรับเป็นผู้กระทำ

หลานวั่งจี, “…”

เว่ยอู๋เซียน, “ท่านจึงเกิดความคิดสกปรกกับข้าตั้งแต่ตอนนั้น ?”

“…” เสียงของหลานวั่งจีได้แต่งึมงำอยู่ในลำคอ, “ข้า,ตอนนั้น, ข้ารู้ว่ามันผิด. ผิดมากๆ

เว่ยอู๋เซียนยังรำลึกได้อีกว่าหลานวั่งจีได้ผ่าต้นไม้ในป่าออกเป็นซองซีกอย่างไรตอนเขากลับไปหา , “นี่คือเหตุผลที่ท่านโมโห?”

เว่ยอู๋เซียนหลงคิดว่าเขาถูกทำให้เกิดโทสะเพราะผู้อื่นเสียอีก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่หลานวั่งจีโมโหเกิดเพราะตัวเขาเอง  - โมโหที่เขาทนต่อกิเลสในใจไม่ได้ โมโหที่เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้ดีพอ  เขาเผลอเอาเปรียบคนอื่นอย่างผิดต่อมโนธรรมที่ยึดมั่นในใจและผิดต่อกฎของตระกูล

ได้เห็นว่าหลานวั่งจีก้มศีรษะสำนึกผิดต่ำลงมาแค่ไหน ยิ่งทำให้เขารู้สึกถึงความผิดพลาดอีกครั้ง เว่ยอู๋เซียเกาคางเขา, เอาหล่ะ,หยุดนึกถึงเรื่องไม่น่าอภิรมย์พวกนี้ไปเถอะ เอิ่ม..ข้ามีความสุขจะตาย ถูกท่านจูบไปตั้งนานแล้วเนี่ย ละก็ยินดีด้วย หานกวงจวินนั่นเป็นจูบแรกในชีวิตของข้าเลยนะ

หลานวั่งจีมองหน้าเขาทันที, “จูบแรก?”

เว่ยอู๋เซียน, “ก็ใช่หน่ะสิ, หรือท่านคิดว่าไงหล่ะ?

หลานวั่งจีจ้องเขาเขม็ง มีบางสิ่งวาบขึ้นมาในดวงตาของเขา เช่นนั้น...

เว่ยอู๋เซียน, “เช่นนั้นอะไร? พูดออกมาครึ่งๆกลางๆไม่ใช่วิสัยของท่านนะ,หลานจ้าน

หลานวั่งจี, “ถ้างั้น,  ตอนนั้น, ทำไมเจ้าถึงได้เจ้าได้…”

เว่ยอู๋เซียนรู้สึกสับสน, “ทำไม มีอะไรหรือ?”

ริมฝีปากของหลานวั่งจีขยับ, “...ทำไมเจ้าไม่ปฏิเสธ?”

เว่ยอู๋เซียนชะงัก

เสียงของหลานวั่งจีกลับไปงึมงำในลำคออีกครั้ง, “เจ้า...เห็นชัดว่าเจ้าไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร, ทำไมเจ้าไม่ปฏิเสธ? หลังจากนั้น, ทำไมเจ้ายังมาบอกกับข้า...

บอกเขาว่าอะไร?

ในที่สุดเว่ยอู๋เซียนก็จำได้

ตอนนั้นเขาวิ่งเข้าไปหาหลานวั่งจี,พูดจาโอ้อวดใส่, บอกว่าเขาเป็นผู้มากประสบการณ์, คงไม่มีผู้ใดใคร่จูบกับหลานวั่งจีหรอก และหลานวั่งจีก็คงไม่มีวันจูบกับผู้ใดเป็นแน่, ทั้งทุกคนก็เห็นด้วยว่าหลานวั่งจีจะไม่มีวันมอบจูบแรกของเขาแก่ใครไปจนตลอดชีวิต...

ทันใดนั้น เขาก็งอตัวลงแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

เว่ยอู๋เซียนทุบพื้น, “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...

หลานวั่งจี, “…”

หัวเราะไป, เว่ยอู๋เซียนก็กอดเขาพร้อมกับมอบจูบให้, “เช่นนั้น,ตอนนั้นที่ท่านโกรธจัดเพียงเพราะคิดว่าข้าจูบกับคนอื่นไปแล้วจริงๆ, มิใช่ท่าน? หลานจ้าน, ท่านนี่ปัญญาอ่อนหรือไม่? ท่านกลับเชื่อเรื่องเหลวไหลพรรณนั้น! มีแต่เจ้าลาบื้อเท่านั้นแหละที่เชื่อข้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...

เสียงหัวเราะของเขาดังมาก, ดื้อมาก สุดท้ายความอดทนก็หมดลง หลานวั่งจีจึงกดเขาลงกับพื้น  ไม่สนใจว่าเจ้าเสี่ยวผิวกั่วจะแอบมองอยู่ไหม, ทั้งสองคนพากันกลิ้งไปยังหลังพุ่มไม้

หลังจากพายุผ่านพ้นไป, ยังคงมีหยดน้ำบางส่วนค้างอยู่ตามยอดหญ้า, ทำให้เสื้อคลุมสีขาวของหลานวั่งจีต้องความชื้น กระนั้นเว่ยอู๋เซียนกลับถอดเสื้อคลุมนั่นออกอย่างไม่ใยดี เขาสูดลมหายใจเข้า ห้ามขยับ

กลิ่นหอมสดชื่นของยอดหญ้าอวลกระจายรอบลำคอของเว่ยอยู่เซียนกระทั่งส่งผ่านมาทางริมฝีปากของเขา, ในขนะที่บนร่างกายหลานวั่งจีเป็นกลิ่นไม้จันทร์ เว่ยอู๋เซียนคุกเข่าลงระหว่างขาทั้งสองของหลานวั่งจี และเริ่มจูบไล่ลงมาเริ่มตั้งแต่หน้าผากมน หว่างคิ้วทั้งสอง ปลายจมูกโด่ง แก้มทั้งสองข้าง ริมฝีปากหยัก ปลายคาง  ลูกกระเดือด กระดูกไหปลาร้า กึ่งกลางหน้าอก

เขาบรรจงจูบไปทั่วทั้งข้างบน ข้างล่างอย่าตั้งใจ

กระทั่งเขาจูบหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนูนแข็ง และใจกล้าจูบคล้อยต่ำลงมาเรื่อยๆ ปอยผมบางส่วนได้ตกลงจากไหล่และพาดผ่านไปยังพื้นที่อันตรายพร้อมๆกับลมหายใจอุ่นร้อน หลานวั่งจีดูท่าจะทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเอื้อมมือไปจับไหล่ของเว่ยอู๋เซียนไว้ แต่เว่ยอู๋เซียนกลับจับข้อมือของเขาแทน, “อย่าขยับ, ข้าบอกท่านแล้วอย่างไร ข้าจะทำเอง

เขารวบผมที่ตกปรกลงมาจนกระเซิงนิดๆแล้วมัดมันใหม่ให้เรียบร้อยก่อนที่จะก้มลงอีกครั้ง หลานวั่งจีตระหนักได้ทันทีว่าเว่ยอู๋เซียนต้องการจะทำสิ่งใด จากท่าทางที่กำลังเลื่อนลงมาข้างล่าง, เขาแทบจะพูดไม่ออก, ไม่ได้

เว่ยอู๋เซียน, “ได้เขาค่อยๆเอาส่วนนั้นของหลานวั่นจีใส่เข้าไปในปาก

เขาระมัดระวังในการใช้ริมฝีปากปากโอบรัดรอบเจ้าสิ่งนั้นเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ใช้ฟันไปกัดโดนส่วนนั้นของหลานวั่งจีเข้า เขาพยายามจะกลืนมันเข้าไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ , เขาพบว่ามันเริ่มจะแข็งตึงขึ้นมาเพราะถูกเสียดสีเข้ากับช่องคอของเขา  หลานวั่งจีพบว่าเขารู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเท่าไหร่เลย จึงเอื้อมมือออกไปหมายจะผลักตัวเว่ยอู๋เซียนออก กังวลว่าเขาจะฝืนตนเองเกินไป, “พอได้แล้ว

เว่ยอู๋เซียนปัดมือเขาทิ้งแล้วเริ่มออกแรงดูดเจ้าสิ่งนั้นอย่างช้าๆจนแก้มตอบ

หลานวั่งจี, “เจ้า…”

ไม่นานจากนั้นเขาไม่สามารถจะเอ่ยสิ่งใดออกมาได้อีกเลย

จำนวนของคอเลคชั่นหนังสือลามกที่เว่ยอู๋เซียเคยอ่านผ่านตามาตั้งแต่สมัยเด็กนั้นสามารถบรรจุได้เต็มห้องห้องหนึ่งของหอสมุดสกุลหลานทีเดียว แถมเขาก็เป็นคนหัวไว เขาสามารถสั่งการริมฝีปากและเรียวลิ้นได้ดังใจตามหนังสือที่เขาได้เห็นและเรียนรู้มา เพียรพยายามเข้าไปเผาไหม้จุดระเบิด ด้วยส่วนที่ไวต่อความรู้สึกที่สุดในร่างกายของเขา  ริมฝีปากบางนิ่มนั้นภายในทั้งอุ่นร้อน และชุ่มชื้น  ด้วยกิจกรรมที่ทำอยู่ ไม่ต่างกับการทรมารทรกรรมหลานวั่งจีอย่างน่ากลัวแต่อย่างใด เขาต้องพยายามควบคุมตัวเองจากการความรู้สึกเบื้องต่ำที่ต้องการกระทำเรื่องไม่ดีโดยใช้ความรุนแรงกับเว่ยอู๋เซียนซะ

เว่ยอู๋เซียนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของหลานวั่งจีที่เริ่มเร็วขึ้น เร็วขึ้น นิ้วมือที่จับไหล่ของเขาอยู่กระชับแน่นขึ้นไปด้วย  เว่ยอู๋เซียนเร่งจังหวะขึ้น จนกระพุ้งแก้มด้านในและคอของเขารู้สึกเจ็บไปหมด ในที่สุดเขาก็รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆถูกฉีดเข้ามาในลำคอ

ของเหลวนั่นทั้งข้นเหนียว และอุ่นร้อน, เต็มไปด้วยกลิ่นมัสค์ (กลิ่นชะมดเช็ด) อยู่ๆสิ่งนั้นก็ปะทะเข้ากับผนังลำคอของเขา เว่ยอู๋เซียนสำลักสิ่งนั้นออกมาทันที หลานวั่งจีช่วยตบหลังของเขาระหว่างที่เขาไอ พลางพูดอย่างกระวนกระวาย, คายออกมา เร็วเข้า คายมันออกมา


เว่ยอู๋เซียนรีบเอามือปิดปากตัวเองพร้อมกับส่ายศีรษะ สักพักเขาก็เอามือออกแล้วแลบลิ้นใส่หลานวั่งจี, อ้าปากให้เห็นว่าไม่มีอะไรข้างในแล้ว ข้ากลืนมันลงไปเรียบร้อย

ปลายลิ้นของเขาเป็นสีแดงอ่อนในขณะที่ริมฝีปากบางเป็นสีแดงเข้ม, มุมปากเป็นประกายและเต็มไปด้วยรอยยิ้มร้าย หลานวั่งจีมองเขาอย่างว่างเปล่า, พูดไม่ออกเลยสักคำ

เขาเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนที่เคร่งครัดในวินัย  แต่ในตอนนี้ เขาที่เคยสุขุม เย็นชา สงบนิ่งถูกทำให้ระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆเสียแล้ว กระทั่งปลายขนขิ้ว และขนตา บัดนี้กลับถูกย้อมไปด้วยสีชมพูไปหมด แค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยจากสีอื่น ทำให้เขาดูเหมือนถูกปั่นหัวอย่างโหดร้าย  ยิ่งเห็นตัวเขาที่เป็นแบบนี้  เว่ยอู๋เซียนยิ่งมีความสุข เปลื้องผ้าจนถึงเอว เขาใช้แขนโอบรอบไหล่ของหลานวั่งจีทั้งสองข้าง บรรจงจูบไปยังมุมปากและเปลือกตาของเขา, เด็กดี, อย่ากลัวไปเลย คราวหน้าเมื่อถึงตาท่านทำให้ข้าบ้าง ท่านต้องทำให้ดีเหมือนที่ข้าทำนะ, เข้าใจหรือไม่?

ริมฝีปากของเขายังมีคราบน้ำรักของหลานวั่งจีเคลือบอยู่  หลังจากที่พวกเขาจูบกันมันจึงกระจายไปตามริมฝีปากของหลานวั่งจีเช่นกัน  เขาได้แต่มองตาค้าง รู้สึกสงสารตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย เว่ยอู๋เซียนจูบเขาอีกครั้ง หลานจ้าน, ข้ารักท่านมากๆ

หลานวั่งจีหันไปหาเขาอย่างช้าๆ

เว่ยอยู่เซียนไม่ทันรู้ตัวเลยว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นภาพลวงตาหรือไม่ มันดูเหมือนจะมีอะไรแดงๆเคลือบบนม่านตาของหลานวั่งจีอยู่หนึ่งชั้น

เว่ยอู๋เซียนไม่รู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แทบจะระเบิดออกมาจากทางสายตาเวลาที่หลานวั่งจีจ้องมองมา เขาแค่รู้สึกว่าเขายังไม่อิ่มเอมนัก ดังนั้นจึงกล่าวว่า พวกเรามาทำแบบนี้จากนี้จนตลอดไปทุกวันกันเถอะ,ดีหรือไม่?”

ทันใดนั้นหลานวั่งจีกลับพลิกตัวเว่ยอู๋เซียนขึ้นมาแล้วออกแรงบังคับให้เขานอนลงไปบนพื้นหญ้า

ในขณะนั้นทั้งสองจึงเปลี่ยนตำแหน่งกัน, เขารู้สึกได้ว่าถูกหลานวั่งจีระดมกัดไปทั่วร่าง, เว่ยอู๋เซียนดันศีรษะของเขาออกห่างพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก, ไม่เห็นต้องเร่งรีบขนาดนั้นเลย ข้าบอกว่าคราวหน้าท่านสามารถ...อยู่ๆก็มีบางสิ่งกระแทกมาจากเบื้องล่าง, เขาอุทานคำว่า อ่าห์’, ด้วยสีห้นาเหยเกขึ้นเล็กน้อย, “หลานจ้าน, ท่านเอาอะไรใส่เข้าไปหน่ะ?”

ถึงเขาจะบอกได้ว่านั่นเป็นนิ้วมือของใครบางคนแน่ๆ แต่ก็ถามไว้เพื่อความสะบายใจเท่านั้น เขาหุบขาเข้าด้วยกันโดยไม่ต้องคิด แต่ความรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมนั้นกลับรุนแรงขึ้น นิ้วที่สองถูกสอดตามเข้ามา

เว่ยอู๋เซียนนึกถึงภาพลามกขึ้นมา แต่เขาไม่เคยเห็นพวกภาพในหัวข้อชายรักชายมาก่อน เขาไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะมาสนใจใครรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ และเขาก็คิดไปเองว่าการทำรักระหว่างผู้ชายด้วยกันนั้นมีแค่ จูบ กอด และทำรักด้วยมือหรือริมฝีปาก เป็นอันเสร็จสิ้น แต่เมื่อเขาโดนหลานวั่งจีกดลงไปกับพื้น ถูกนิ้วมือเคล้นคลึงยังจุดเร้นร้อนทีละนิ้ว ทีละนิ้ว เขาจึงค่อยตระหนักได้ว่ามันคงไม่ได้จบแค่นั้น และเหนือกว่าความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในตอนนี้ เขาพบว่ามีบางอยากน่าตื่นเต้นประหลาดใจและบางทีก็อาจจะน่าสนุกอยู่ด้วยเช่นกัน

แต่หลังจากเพิ่มนิ้วที่สามเข้าไป, เว่ยอู๋เซียนก็ถึงกับหัวเราะไม่ออกอีกต่อไป

เขารู้สึกเจ็บและไม่สบายเนื้อสบายตัวแล้ว กระนั้น สามนิ้วนี้ก็ยังคงเล็กกว่าเจ้าสิ่งที่เขาเคยกลืนเข้าลำคอไปก่อนหน้านัก เขาจึงขัดจังหวะ, “หลานจ้าน, หลานจ้าน, อื้อ, ห – หยุดสักประเดี๋ยวได้ไหม ทำแบบนี้มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆหรือ? ท่านแน่ใจนะว่ามันไม่ได้ผิดวิธีหน่ะ? เข้าตรงนี้? ข้าว่ามันค่อนข้างจะ...

แต่ดูเหมือนว่าหลานวั่งจีจะไม่สามารถได้ยินคำพูดของเว่ยอู๋เสียนเสียแล้ว  เขาปิดปากเว่ยอู๋เซียนด้วยริมฝีปากของตัวเอง ถล่ำต่ำลงไป, เขาเสือกกายเข้าไปข้างในสิ่งอ่อนนุ่มนั่น

เว่ยอู๋เซียนตาถลน ขาของเขากระตุกชี้ขึ้น ทั้งสองคนนอนเนื้อแนบเนื้อ ทั้งหัวใจและลมหายใจของพวกเขากระชั้นถี่ราวกับกำลังวิ่งแข่ง

เสียงของหลานวั่งจีแหบแห้ง, “…ขอโทษ..ข้าฝืนไม่ไหวแล้ว

เห็นดวงตาแดงก่ำของเขาจากการฝืนยับยั้งชั่งใจแล้ว เว่ยอู๋เซียนรู้ได้ทันทีว่าเป็นเพราะเขาจงใจล้อเล่นมากเกินไป เขากัดฟันแน่น, “อย่าฝืนถ้าไม่ไหว...แล้วตอนนี้ข้าต้องทำเช่นใด?”

เว่ยอู๋เซียนคงเป็นคนเดียวที่กล้าถามอย่างสิ้นคิดในเวลาแบบนี้  หลานวั่งจี, “…ผ่อนคลาย

เว่ยอู๋เซียนบ่นกระปอดกระแปด, “ตกลง,ผ่อนคลาย,ผ่อนคลาย...

เขาผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง, หลานวั่งจีเลยพยายามจะดันเข้าไปอีก ทันในนั้นเอง,เว่ยอู๋เซียนกลับเกร็งกล้ามเนื้อที่สะโพกและหน้าท้องขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

หลานวั่งจี, “..มันจะเจ็บหรือไม่?”

แขนเกี่ยวก่ายบนกายเขา, เว่ยอู๋เซียนตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ เขากลั้นน้ำตาเอาไว้, ใช่สิ, นี่เป็นครั้งแรกของข้า-แน่นอนว่ามันต้องเจ็บมาก

เพราะแบบนี้ เขารู้สึกได้ว่า สิ่งนั้นของหลานวั่งจีที่อยู่ภายในตัวของเขาแข็งมากขึ้นไปอีก

ใครๆก็คงนึกภาพตามได้ว่ามันจะรู้สึกเช่นไรเมื่อสิ่งที่นุ่มนิ่ม บอบบางภายในถูกบุกรุกโดยสิ่งแปลกปลอมที่แข็งขืน แต่เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่หลานวั่งจีตอบสนองต่อคำพูดธรรมดาของเขา เว่ยอู๋เซียนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง

เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน เขาจึงรู้ว่าหลานวั่งจีกำลังรู้สึกกระอักกระอ่วน และทรมานมากขนาดไหน ติดค้างอยู่ข้างในแถมยังดันไปไม่เข้าอีก เว่ยอู๋เซียนรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนอื่นขึ้นมา เขาโน้มคอตัวเองไปด้านหน้า กระซิบที่ข้างหู, หลานจ้าน, หลานจ้านคนดี , พี่ชาย, ข้าจะบอกให้นะว่าท่านต้องทำเช่นไร  จูบข้าสิ จูบข้าแล้วมันจะไม่เจ็บอีก...

ติ่งหูของหลานวั่งจีเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

เขาพูดออกมาอย่างยากลำบาก, “..ห-หยุด เรียกข้าเช่นนั้น

ได้ยินเขาพูดอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย เว่ยอู๋เซียนถึงกับหัวเราะลั่น, “ท่านมิชอบหรือ? ถ้าเช่นนั้นข้าจะเรียกท่านอย่างอื่นก็แล้วกัน น้องชายวั่งจี, จ้านเออร์, หานกวง, ชื่อไหนที่ท่าน.....อ๊ะอ๊าาาา!”

กัดริมฝีปากจนห้อเลือด, หลานวั่งจีส่งตัวตนของเขาเข้าไปได้ทั้งหมดเสียที

เสียงร้องไห้ของเว่ยอู๋เซียนถูกผนึกไว้ในลำคอของเขาพร้อมกับการจิกไหล่ของหลานวั่งจีแน่น คิ้วขมวดเป็นปม น้ำตาคลอเบ้า ขาของเขาเกร็งโอบรอบสะโพกของหลานวั่งจีไว้กลัวว่าเขาจะขยับ  สติเริ่มแจ่มชัดขึ้นมาทีละน้อย, หลานวั่งจีบังคับลมหายใจเข้าออกสองสามครั้ง, “ขอโทษ

เว่ยอู๋เซียนสั่นศีรษะ, ฝืนยิ้ม, “ท่านเคยพูดว่าระหว่างท่านและข้า,ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใด

หลานวั่งจีจูบเขาอย่างทะนุถนอม เขาเคลื่อนไหวอย่างเงอะงะ เว่ยอู๋เซียนหลับตา เผยอปากให้เขาสอดลิ้นเข้ามาได้ลึกขึ้น หลังจากที่ลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันไปมา เมื่อหายจากอาการเบลองงเขาจึงมองเห็นรอยแผลเป็นใต้กระดูกไหปลาร้าของหลานวั่งจี

เขาวางมือลงบนนั้น, พยายามบดบังรอยแผลนั่น รอยยิ้มของเขาแทบไม่เหลืออยู่อีกต่อไป, “หลานจ้าน, บอกข้ามา แผลนี่ก็เกี่ยวข้องกับข้าเช่นกันใช่หรือไม่?”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ, หลานวั่งจีตอบว่า, ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่เมาหน่ะ

หลังจากที่เขาพาเว่ยอู๋เซียนกลับไปที่ล่วนจั้นกั่งหลังจากการสังหารหมู่ที่นครไร้ราตรีครั้งนั้น, สิ่งที่รอเขาอยู่คือการลงทันฑ์ 3 ปี ซึ่งในตอนนั้นเขาได้ข่าวว่า การทำสิ่งใดไว้ย่อมได้รับสิ่งนั้นคืนสนอง สิ่งใดที่หยิบยืมมาใช้ ต้องจ่ายค่าตอบแทนไปอย่างเท่าเทียม  ปรมาจารย์อี้หลิงในที่สุดก็เสียชีวิตแล้ว, ทั้งร่างกายและวิญญาณแตกสลาย

การลงโทษคุมขังครั้งนั้นยังไม่ทันสิ้นสุด แต่เขาก็หลบหนีออกมาจากอวิ๋นเซินปู้จือฉู่เพื่อไปตามหาอี้หลิงด้วยร่างกายที่บาดเจ็บ เขาค้นหาไปทั้งหุบเขาอยู่หลายวัน ได้พบกับเวินเยวี่ยน ตอนนั้นเขาทั้งไร้สติสัมปะชัญญะ มีไข้สูงมาก เขาไม่พบสิ่งใดที่ต้องการเลย กระทั้งกระดูกสักอัน เศษเนื้อสักชิ้น ใยผ้าสักเส้น วิญญาณสูญสลาย

ในเวลานั้นระหว่างทางกลับไปยังอวิ๋นเซินปู้จือฉู่ หลานวังจีจึงซื้อสุราเทียนจือเซี่ยวมาจากเมืองไซอี้

สุรานั้นทั้งกลิ่นหอม และรสชาดกลมกล่อม ไร้กลิ่นฉุน ทันทีที่ดื่มมันลงไปหลอดคอของเขาก็รู้สึกร้อนดั่งถูกเพลิงเผาตั้งแต่ดวงตาจนถึงดวงใจ

เขาไม่ได้ชอบรสชาติของสุรา แต่เขารู้สึกว่าเขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้คนถึงชอบมัน

คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่หลานวังจีดื่มสุรา และเป็นครั้งแรกที่เขาเมามาย เขาจำไม่ได้เหมือนกันว่าเขาทำอะไรลงไปตอนที่ไม่มีสติบ้าง  จากนั้นไม่นาน ผู้คนในอวิ๋นเซินปู้จือฉู่ ทั้งศิษย์สายนอก และศิษย์สายในต่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็น บางคนเล่าว่าในคืนนั้นเขางัดเข้าไปในห้องเก็บสมบัติของตระกูล รื้นค้นหีบสมบัติเพื่อคนหาสิ่งที่ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร เมื่อหลานซีเฉินถาม เขาก็ตอบไปว่าเขาต้องการขลุ่ยด้วยดวงตาที่เหม่อลอย

หลานซีเฉินมอบขลุ่ยหยกขาวที่ดีที่สุดให้กับเขา แต่เขากับโยนมันทิ้งด้วยความหงุดหงิด พร่ำบ่นว่านี่ไม่ใช่ขลุ่ยที่เขาต้องการ เขาหาสิ่งที่เขาต้องการยังไงก็หาไม่พบ แล้วอยู่ๆเขาก็เหลือบไปเห็นแท่งเหล็กทมิฬที่ถูกผนึกไว้หลังจากที่ยึดมาได้จากสกุลเวิน

หลังจากนั้นแผลเป็นที่เหมือนกับรอยที่เว่ยอู๋เซียนเคยได้รับจากถ้ำนักฆ่าแห่งซวนซูก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าอกของเขาเช่นกัน

หลานฉีเหรินทั้งอารมณ์เสียและโกรธมากแต่เขาก็ไม่ได้มาต่อว่าต่อขานอะไร

ไม่ว่าจะเป็นการตำหนิหรือลงโทษใดๆ, เขาก็ไม่รู้สึก เพราะมันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เขาเผชิญจากการจากไปของปรมจารย์อี้หลิงนั่นเป็นสิ่งที่เลวร้ายกว่ามากนัก

แม้จะถอนหายใจ เขาก็ไม่ขัดความตั้งใจของหลานวั่งจีที่จะเก็บเวินเยวี่ยนไว้ หลานวั่งจียังคงเคารพเขาและยอมกลับไปรับโทษคุกเข่าที่อวิ๋นเซินปู้จือฉู่อยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน

เขาดื่มสุราจนเมามายก็แล้ว ทุกข์ทรมานจากบาดแผลก็แล้ว

จนบัดนี้ ก็ผ่านมาได้ 13 ปี  นับตั้งแต่แผลเริ่มตกสะเก็ด

หลานวั่งจีเริ่มมีแรงผลักดันในขณะที่เว่ยอู๋เซียนยังหลับตาแน่น เขาอ้าปากรับอากาศเพื่อปรับลมหายใจตามพื้นอารมณ์ของหลานวั่งจี และเมื่อเขาชินกับความใหญ่โตของเจ้าสิ่งนั้น เว่ยอู๋เซียนก็ขยับสะโพกไปเองโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังสัมผัสได้ถึงความหฤหรรษ์จากเบื้องล่างขึ้นเป็นระลอก มันข้ามผ่านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและทะลุไปยังกระดูกสันหลัง

เว่ยอู๋เซียนค้นพบทันทีว่าเขาควรจะมีความสุขกับตำแหน่งที่เป็นอยู่นี้ได้อย่างไร เขาซุกมือลงไปในกลุ่มผมที่เปียกโชกของหลานวั่งจี, ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับ ดึงผ้าคาดศีรษะของเขาออก , เสียงของเว่ยอู๋เซียนหวานหยดเยิ้ม, “..รู้สึกดีหรือไม่? ข้างในตัวข้า?"

เว่ยอู๋เซียนถูกกระแทกอย่างดุดัน บ้าคลั่ง เหงื่อหยดย้อยไปทั่วแผ่นหลัง ประกายพราวชื้นตั้งแต่ด้านบนจรดด้านล่าง อ้าปากค้าง ร่างกายอ่อนปวกเปียก, “หลานจ้าน...ท่านสมควรพอได้แล้ว พวกเรายังขาดพิธีการทั้งสามอยู่นะ พวกเรายังไม่ได้แต่งงานกันเลย มาทำอะไรแบบนี้ก่อนงานแต่งงาน-ท่านรู้ไหมว่ามันเรียกว่าอะไรนะ?..ผิดประเวณี.. ถ้าท่านอาของท่านทราบเรื่องนี้เข้าละก็ เขาคงจะจับท่านใส่กรงหมูถ่วงน้ำแน่ๆ

หลานวั่งจีแทบจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเมื่อถูกบังคับให้ต้องตอบ, “...ข้าทำไปนานแล้ว

ละรอกแห่งความสุขท่วมท้นขึ้นมาอีกครั้ง เว่ยอู๋เซียนทิ้งศีรษะตนเองลงไปด้านหลังด้วยความรู้สึกทั้งเจ็บปวดระคนสุขสม เปิดเผยให้เห็นลำคอขาวผ่องที่ไร้การป้องกัน หลานวั่งจีก้มลงกัดเข้าไปอยากพึงพอใจ

ความรู้สึกซ่านเสียว พึงพอใจอย่างเข้มข้นทำให้จิตใจของเว่ยอู๋เซียนถึงกับว่างเปล่าไปชั่วขณะ ท่ามกลางหมอกหนา ความคิดแรกที่เขาคิดออกคือ...ไม่น่าเป็นไปได้ ทำไมเขาแมร่งไม่ทำอย่างนี้กับหลานจ้านตั้งแต่อายุ 15 หล่ะะ? เขามัวทำเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ตลอดเวลา จนนึกเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้วใช่หรือไม่?

ระหว่างกิจกรรมกระชับมิตรภาพ หลานวั่งจีแน่นอนว่าเป็นผู้กระทำอยู่แล้ว การกระทำนั้นชัดเจนกว่าคำพูดและการเกี่ยวพาราศี หลังจากพ้นจากความงุนงง เว่ยอู๋เซียนเว่ยที่อยู่ในความสงบก็กลับมาแผลงฤทธิ์อีกครั้ง ที่ข้างใบหูของหลานวั่งจี, “คุณชายรองสกุลหลาน, ท่านเริ่มมีใจให้กับข้าตั้งแต่เมื่อใด? หากท่านชอบข้ามาตั้งแต่เมื่อสมัยก่อน, ทำไมท่านไม่เอากับข้าให้เร็วกว่านี้? ด้านหลังภูเขาที่อวิ๋นเซินปู้จือฉู่ก็เงียบสงบดีเป็นสถานที่ที่เหมาะสมไม่ใช่เหรอ? ตอนที่ข้าแอบออกไปเที่ยวคนเดียว, ท่านควรจะมัดข้าแล้วลากไปจัดการ, ตรึงข้าไว้บนพื้นหญ้าเหมือนอย่างเช่นเวลานี้ แล้วทำทุกสิ่งอย่างที่ท่านอยากทำกับข้าไง..อ่า เบาๆหน่อย นี่ครั้งแรกของข้านะ ช่วยดีกับข้ากว่านี้สักนิดมิได้หรือ….

นี่ข้าอยู่ที่ไหนกัน? มาต่อกันเถอะ ท่านช่างแข็งแรงยิ่งนักข้าสู้ไม่ได้เลย  ถ้าข้าส่งเสียงพูดกับท่าน ท่านห้ามเงียบใส่สิ หรือหอตำราสกุลหลานก็เป็นที่ที่ไม่เลวเช่นกัน ตรงกลางห้องโถงท่ามกลางม้วนตำราที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น พวกเราน่าจะสามารถเอาหนังสือพวกตัดแขนเสื้อมาช่วยกันศึกษาท่าทางตำแหน่งต่างๆได้ใช่ไหม...พี่ชาย!พี่ชาย! ท่านพี่ได้โปรดไว้ชีวิตข้า, กรุณาไว้ชีวิตข้าเถิด  ก็ได้,ก็ได้, ข้าจะหยุดพูดพร่ำ พรรณนาแล้ว ท่านทำเกินไปแล้ว, ทำเกินไปแล้ว ข้ารับไม่ไหว, ข้ารับไม่ไหวจริงๆนะ, ดังนั้น อย่า....

หลานวั่งจีไม่สามารถทนการกลั่นแกล้งของเขาได้อีกต่อไป ด้วยแรงกระแทกอย่างดุเดือดของเขา เว่ยอู๋เซียนรู้สึกเหมือนทุกอย่างภายในร่างกาย ถูกจับมาปั่นรวมกัน เขาขอร้องอย่างดีๆก็แล้ว แต่หลานวั่งจีกลับทำมันอย่างรุนแรง ป่าเถื่อนขึ้นไปอีก ถูกจับกดร่วมชั่วโมงโดยไม่เปลี่ยนท่าสักครั้ง หลังและสะโพกของเว่ยอู๋เซียนถูกทารุณกรรมจนน่วมไปหมด  หลังจากความมึนงงที่มาพร้อมกับความเจ็บและคันราวกับมีกองทัพมดนับล้านกำลังกัดกินเข้าไปถึงในไขกระดูก

ในที่สุดตอนนี้เขาก็ไ้้รู้สึกถึงรสชาติการหว่านเมล็ดพันธุ์เช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น เว่ยอู๋เซียนจึงต้องทำให้หลายวั่งจีเพลิดเพลินพอใจด้วยการจูบอย่างถวายหัว ละทิ้งศักดิ์ศรีที่มีทุกอย่าง ท่านพี่, โปรดเมตตาข้าเถิด ไว้ชีวิตข้าสักครั้ง ข้าแทบจะสิ้นใจอยู่แล้ว พวกเรายังมีเวลาอีกมาก ค่อยมาทำต่อกันวันหลัง หรือไว้ต่อเมื่อข้าได้พักผ่อนสักหน่อยดีหรือไม่? ไว้ชีวิตผู้บริสุทธิ์ตาดำๆมิได้หรือ? หานกวงจวินช่างแข็งแกร่งเกินไป และปรมาจารย์อี้หลิงได้พ่ายแพ้อย่างยับเยินไปแล้ว ไว้ให้ พวกเขาไปสู้กันต่อในคราวหน้าเถิดนะ!”

แทบจะมองเห็นเส้นเลือดปูดออกมาจากหน้าผากของหลานวั่งจี จนเขาแทบจะรวบรวมคำพูดออกมาไม่ได้, “...หากเจ้าอยากจะหยุดด้วยใจจริง...ถ้าเช่นนั้น...เจ้าก็หุบปากแล้วหยุดกล่าวสิ่งใดเสีย...

เว่ยอู๋เซียน, แต่ข้ามีปาก แล้วปากก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพูด! หลานจ้าน, หากข้าพูดว่าข้าอยากจะนอนกับท่านทุกวัน, ท่านจะทำเป็นไม่ได้ยินเช่นนั้นหรือ?”

หลานวั่งจี, “ไม่

เว่ยอู๋เซียนรู้สึกใจสลาย, “ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะ? ท่านไม่เคยเมินข้ามาก่อนเลย.”

หลานวั่งจีมองเขาด้วยรอยยิ้มไม่เชิงยิ้ม, “ไม่.”

เห็นรอยยิ้มเช่นนั้นดวงตาของเว่ยอู๋เซียนจึงเปิดขึ้นอีกครั้ง, น่ายินดีเหลือเกินที่เขาจำไม่ได้อีกแล้วว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ใด แต่ไม่กี่อึดใจต่อมาเว่ยอู๋เซียนก็ถูกทำให้ร้องไห้อีกครั้งจากการเคลื่อนไหวที่แทงทะลุเข้าไปจนสุดแล้วหยุดลง  ช่างตรงข้ามกับรอยยิ้มที่เปรียบดังแสงตะวันกำลังเปล่งประกายระยิบระยับบนพื้นหิมะ เขากำต้นหญ้าแถวนั้นไว้ด้วยมือทั้งสองพร้อมตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง, “เช่นนั้น 4 วัน, ทำ 1 ครั้งทุก 4 วัน? ถ้าไม่ได้ 4 วัน งั้น 3 วันก็ได้!”

ในที่สุด หลานวั่งจีก็สรุปการตัดสินใจของเขาอย่างมีเหตุผลที่สุดแล้วว่า, “ทุกวัน ย่อมต้องหมายความว่า ทำ ทุ ก วั น! 

27 ความคิดเห็น:

  1. นี่สินะ...ทุกวันคือทุกวัน5555555+

    ตอบลบ
  2. ฉากนี้ที่ต้องการ5555

    ตอบลบ
  3. แปลดีมากๆค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

    ตอบลบ
  4. ถึงจะงงๆสักหน่อยแต่ก็ทุกวันคือทุกวัน^^

    ตอบลบ
  5. ที่มา#ทุกวันคือทุกวัน สินะ

    ตอบลบ
  6. โอ้ย5555อ่านไปร้องไป5555ชื่นใจจิมๆๆนะ

    ตอบลบ
  7. สนุกค่ะอ่านแล้วมีความสุขแปลบ่อยๆเลยนะค่ะเป็นกำลังใจค่ะ

    ตอบลบ
  8. หว่านพืชไปแบบใด ย่อมได้ผลแบบนั้น สู้ๆนะเว่ยอิง

    ตอบลบ
  9. "ทุกวัน ย่อม ต้องหมายความว่า ทำ ทุก วัน !! " 😊

    ตอบลบ
  10. นี้สินะที่มาของคำว่าทุกวันคือทุกวัน อรั้ยยย><😍😍😍

    ตอบลบ
  11. ที่มาของ #ทุกวันคือทุกวัน โอ้ยยย55555555555555

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณที่แปลมากๆ สุดจะเอิ้นแขนขาอ่อนระโหย

    ตอบลบ
  13. อีกอย่าง นึงยกนิ้วให้เลย คุณแปลได้ที่หนึ่ง ในกระบวนที่หาอ่านได้ฟรี หลายที่เก็บตังค่าอ่านนะจ๊ะ ซึ้งในน้ำใจมั่กๆ

    ตอบลบ
  14. ที่มาของ#ทุกวันคือทุกวัน มาจากนี่เอง#ฉากนี้ที่รอคอย ^-^

    ตอบลบ
  15. ทุกวันคือทุกวันนนน เลือดหมดตัวโดนมดกัดด้วย

    ตอบลบ
  16. เข้ามาอ่านหลายรอบมากขอบคุณนะคะที่แปลให้อ่าน😘

    ตอบลบ
  17. เหมือนกันเลยอ่านหลายรอบแล้วรอเล่ม4-5เมื่อไหร่จะมาถึงไทย😍

    ตอบลบ
  18. เหมือนกันเลยอ่านหลายรอบแล้วรอเล่ม4-5เมื่อไหร่จะมาถึงไทย😍

    ตอบลบ
  19. อ่านมาหลายรอบเเล้วรอเล่ม4-5อยู่เหมือนกันค่ะ555//ไม่ไหวเเร้วววว-////-

    ตอบลบ
  20. มาอ่านหลายรอบแล้วชอบ ขอบคุณนะ

    ตอบลบ
  21. อ่านหลายรอบวนไปยาวไปๆคะ 555

    ตอบลบ
  22. 😍😍😍🤧🤧🤧🤧
    เลือดไหลหมดแล้วพี่วั่งท่านช่างร้อนแรง🤣🤣🤣🤣

    ตอบลบ
  23. ขอบคุณที่แปลนะคะ เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เข้าใจคำว่า ทุกคือทุกวันแล้ว

    ตอบลบ
  24. กลับมาอ่านทุกครั้งที่คิดถึง ทุกวันคืนทุกวัน ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  25. ทุกวันคือทุกวันจริงๆ ขอบคุณที่แปลแปลมาให้อ่านนะคะ ยิ้มไปทั้งตอนเลย

    ตอบลบ
  26. อยากเป็นเสี่ยวผิงกว่อจังเลย จะได้เเอบดูเเละเเอบฟังคำว่าทุกวันคือทุกวันจากปากของหลานวั่งจีกับเสียงอันเอกลักษณ์5555555+

    ตอบลบ