วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ปรมาจารย์ลัทธิมาร ตอนที่117 (แปลไทย) NC20+ กำยานพิศวาส พาร์ท 1/2


Chapter 117: ตอนพิเศษ เตาจุดกำยาน 1 (กำยานพิศวาส 1)


Translated by K of Exiled Rebels Scanlations

 :ภาพมันจะตัดเป็น 2 คู่ นะคะ เว่ยอู๋เซียน หลานวั่งจี คือคู่ปัจจุบัน / เว่ยอิง หลานจ้าน คือคู่วัยเยาว์




เว่ยอู๋เซียนไปพบเตาจุดกำยานเก่าแก่อันหนึ่งในห้องเก็บสมบัติของกูซู – “โถงบรรพกาล

เตาจุดกำยานอันนี้มีตัวเป็นรูปหมี  จมูกเป็นช้าง ตาเป็นแรด หางเป็นวัว แขนขาเป็นเสือ โดยมีส่วนท้องเป็นที่ใส่กำยาน  หลังจากจุดกำยานก็มีควันหอมนุ่มพวยพุ่งออกมาจากปากของมัน

ภายในเรือนรับรอง, เว่ยอู๋เซียนเล่นเตากำยานนี้อยู่สักพัก, “เจ้าสิ่งนี้มันดูน่าสนุกนัก มันไม่มีรังสีอาฆาตหรือ ความมุ่งมาตรประสงค์ร้ายใดๆ ดังนั้นมันคงไม่ได้เป็นสิ่งที่เอาไว้ทำอันตรายผู้คนหรอกกระมัง หลานจ้าน, ท่านรู้หรือไม่ว่าเจ้าสิ่งนี้มีไว้ใช้ทำอันใด?

หลานวั่งจีส่ายศีรษะ เว่ยอู๋เซียนดมกลิ่นกำยานแล้วก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปรกติเช่นกัน ทั้งสองจึงไม่ได้สงสัยอะไร พวกเขาวางเตาจุดกำยานทิ้งไว้ แล้ววางแผนจะมาตรวจสอบมันอีกครั้งในวันหลัง

แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะนอนหลับไปในคืนนั้น พวกเค้ารู้สึกอ่อนเพลียมากๆจึงหลับลึกสุดๆ กระทั่งไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าใดแล้ว, เว่ยอู๋เซียนตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเขากับหลานวั่งจีไม่ได้อยู่ในเรือนรับรองในกูซูแล้ว กลับถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใจกลางป่าแห่งหนึ่ง

เว่ยอู๋เซียนลุกขึ้นมาจากพื้น, “ที่นี่คือที่ใดกัน?”

หลานวั่งจี, “ไม่ใช่โลกจริงๆหรอก

เว่ยอู๋เซียน, “ไม่ใช่โลกจริงๆหรือ? เป็นไปไม่ได้,”เขาสะบัดแขนเสื้อ จากนั้นจึงเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง , “ถ้าเช่นนั้นมันคือที่ใด หากไม่ใช่ในความเป็นจริง?

หลานวั่งจีไม่ตอบ เขาเดินไปทางแม่น้ำอย่างเงียบๆจากนั้นก็มองลงไปยังผืนน้ำ เว่ยอู๋เซียนเดินตามมาแล้วมองไปยังภาพสะท้อนของตนเองในแม่น้ำเช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกขวัญกระเจิง

เงาสะท้อนบนผิวแม่น้ำของเขาเป็นภาพของตัวเขาเองในชาติที่แล้ว!

เว่ยอู๋เซียนรีบเงยหน้าขึ้นทันที, “เป็นเพราะเตาจุดกำยานนั่น?”

หลานวั่งจีพยักหน้า, “คงเป็นเช่นนั้น

หลังจากจ้องมองใบหน้าอันคุ้นเคยที่สะท้อนอยู่ในน้ำ, เว่ยอู๋เซียนก็เบือนสายตาไปทางอื่น, “มันก็ปรกติดีนะตอนที่ข้าตรวจสอบเตาจุดกำยานนั่น  ไม่มีแรงอาฆาต, ดังนั้นมันคงมิใช่เครื่องมือของสิ่งชั่วร้ายอันใด  ปรมาจารย์บางท่านอาจจะสร้างมันขึ้นมาเพื่อใช้ในการฝึกวิชา หรือไม่ก็เพื่อความบันเทิงเริงใจ พวกเราไปเดินดูรอบๆแถวนี้เพื่อประเมินดูสถานการณ์กันดีกว่า

ทั้งสองคนจึงเริ่มเดินเล่นในป่าที่เป็นภาพลวงตาหรือว่าอะไรก็ตาม ไม่นานจากนั้น พวกเขาก็พบกับบ้านไม้เล็กๆหลังหนึ่ง

เว่ยอู๋เซียนเห็นบ้านไม้แล้วก็อุทานขึ้นว่า หืม

หลานวั่งจี, “ว่า?”

เว่ยอู๋เซียนพิจารณาบ้านหลังนั้น, “ข้ารู้สึกคุณเคยกับบ้านหลังนี้นัก

บ้านหลังนี้ดูไปแล้วก็ไม่ต่างจากบ้านที่เห็นอยู่ทั่วๆไปตรงไหน, ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันน่าสงสัยนะ, เขาคิดไม่ออกเหมือนกันว่าเขาเคยเห็นบ้านหลังนี้มาก่อนหรือเปล่า ทันใดนั้นเอง  มีชิ้นส่วนของกี่ทอผ้าลอยออกมาจากตัวบ้าน

ทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากัน และเดินเข้ามาหากันอย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้คำพูด ประตูของ บ้านไม้ถูกล๊อกจากด้านใน ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกแปลกใจ

อะไรก็ตามที่อยู่ในบ้านนั่นยังไงก็รู้สึกว่าห่างไกลจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่พวกเขาคาดการไว้อยู่ไกลโข  เพราะนั่นไม่ได้มีคนร้ายหรือสัตว์อันตรายอะไร จริงๆแล้วมีคนอยู่แค่คนเดียว และเป็นคนที่พวกเขาทั้งสองรู้สึกคุ้นเคยอย่างมากเสียด้วย

ในบ้านนั้นมี หลานวั่งจีนั่งอยู่!

หลานวั่งจีคนนี้ มีองคาพยพหล่อเหลา ทั้งรูปร่าง และส่วนสูงก็เท่าๆกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆเว่ยอู๋เซียน  แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เครื่องแต่งกายของเขาไม่ได้ทำมาจากผ้าฝ้ายสีฟ้า และสีขาว  บนร่างของเขาเหมือนจะสวมเสื้อคลุมสวรรค์ของผู้ฝึกวิชาที่มีชื่อเสียง มาตอนนี้ กี่ทอผ้าก็เคลื่อนไหวได้เองเหมือนมีใครร่ายเวทย์ไว้ อีกด้าน เขาก็นั่งหันข้างให้พร้อมกับอ่านหนังสือในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ

ทั้งสองคนจึงเดินไปยังประตูโดยพยายามไม่ให้เกิดเสียง, ในขณะที่ หลานวั่งจีคนนั้นเหมือนจะไม่ทันสังเกตเห็นพวกเขา พอระยะห่างแคบเข้า เขาก็พลิกหน้ากระดาษในมือด้วยเรียวนิ้วงดงาม

เว่ยอู๋เซียนมองหลานวั่งจีคนข้างๆ จากนั้นก็มอง หลานวั่งจีที่อยู่ในบ้าน ให้รู้สึกอัศจรรย์ยิ่ง, “ข้ารู้แล้ว, ข้ารู้แล้ว

คิ้วของหลานวั่งจียกขึ้นเล็กน้อย อากับกิริยานี้หมายความว่าเขารู้สึกประหลาดใจ จึงถามขึ้นว่า มีอะไร?”

เว่ยอู๋เซียน, “นี่-นี่ คือ, นี่คือความฝันของข้า!”

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ ร่างผอมบางในชุดสีดำก็เดินเข้ามาในบ้านหลังนั้น คนผู้นั้นเอ่ยเสียงเย้ายานคางว่า, “ท่านพี่, ข้ากลับมาแล้ว

มองดู เว่ยอู๋เซียนผู้ยิ้มแย้มแจ่มใส่ แบกจอบไว้บนไหล่ และถือข้องใส่ปลาไว้ในมือ, โดยคาบฟางข้าวไว้ในปาก, หลานวั่งจียิ่งเงียบสนิท ถ้านี่คือความฝันของเว่ยอู๋เซียน มันก็เป็นธรรมดาที่ผู้คนในความฝันจะมองไม่เห็นพวกเขา

เว่ยอู๋เซียนเคี้ยวฟางในปากอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กตรงโต๊ะ หยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่มสองสามอึกแล้วเริ่มจ้อ, “วันนี้ข้างนอกแดดแรงมาก จนข้าเกือบจะไหม้แหนะ ข้าเลยทิ้งสัมภาระไว้ในไร่ ไม่ทำงานแล้ว เดี๋ยวค่อยกลับไปเอาวันหลัง

หลานวั่งจีตอบว่า, “อืมจากนั้นก็นำผ้าชุบน้ำเย็นส่งให้เขา เว่ยอยู่เซียนรับมา แล้วเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเองพร้อมกับยิ้มร้าย  ช่างเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขาอยากให้ หลานวั่งจีเป็นผู้เช็ดให้

และ หลานวั่งจีก็ไม่ได้ปฏิเสธสักนิด เขาเริ่มไล้ผ้าไปตามใบหน้าของเว่ยอยู่เซียนอย่างเอาจริงเอาจัง และ ทะนุถนอม เว่ยอยู่เซียนชอบใจถึงขั้นลงไปพันแข้งพันขา, “ข้าไปเล่นแถวแม่น้ำมาและจับปลามาได้สองตัว, คืนนี้ทำน้ำแกงปลาให้ข้าทานนะ, ท่านพี่!”

อืม

ตอนอยู่ที่กูซูท่านทำอาหารบ่อยแค่ไหน? ท่านรู้วิธีทำแกงเผ็ดปลาหมักหรือไม่, หลานจ้าน? ข้าชอบทานนัก แต่อย่าทำให้หวานหล่ะ ข้าเคยทำครั้งนึงเททิ้งแทบไม่ทัน

อืม ข้าทำได้

อากาศชักจะร้อนขึ้นร้อนขึ้นเรื่อยๆแล้ว วันนี้ไม่จำเป็นต้องต้มน้ำให้ร้อนมากสักเท่าไหร่  ข้าเลยลดฟืนลงจากปรกติครึ่งหนึ่ง

อืม ดีแล้ว

“…” หลานวั่งจีมองดูสองคนนั้นคุยเรื่องสัพเพเหระกันอย่างสนิทสนมเหมือนเป็นเรื่องปรกติ, “ความฝันของเจ้า?”

เว่ยอู๋เซียนหัวเราะอย่างหนักหน่วงจนเกือบถึงขั้นเกือบได้รับความทรมานจากอาการบาดเจ็บภายใน(จากการหัวเราะ), “ฮ่าาาาาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆฮ่า, อ่า ใช่ อย่างน้อยก็มีช่วงหนึ่ง มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ข้าฝันแบบนี้  ข้าเคยวาดฝันเอาไว้ว่าเมื่อพวกเราแก่ตัวลงจะได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษด้วยกันตามลำพังในชนบทสักแห่งสองต่อสอง  ข้าไปล่าสัตว์ และทำไร่ทำสวน ส่วนท่านอยู่บ้าน ดูแลเรือน เย็บผ้าและทำอาหารให้ข้า อ่อใช่ และท่านยังดูแลเรื่องการเงิน แล้วก็ทำบัญชีให้ข้าอีกด้วย ตอนกลางคืนท่านยังคอยปะชุนเสื้อผ้าให้ข้า ข้าฝันมาตลอดว่าข้าจะเป็นผู้บอกให้ท่านต้มน้ำเพื่อที่พวกเราจะได้อาบน้ำด้วยกันสองคนตอนกลางคืน, แต่ทุกครั้งพอพวกเราถอดเสื้อผ้าออก ข้าก็มักลืมตาตื่นขึ้นมาอยู่ตลอดเลย ช่างน่าอายนัก, ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...”

เขาไม่ได้รู้สึกอับอายสักนิดที่หลานจ้านมาเห็นฝันแบบนี้ ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกพึงพอใจด้วยซ้ำ  ได้เห็นว่าเว่ยอู๋เซียนน่าปวดหัวแค่ไหน , ดวงตาของหลานวั่งจียิ่งอ่อนโยนขึ้น, “สักวันมันจะเป็นเช่นนั้น

ความฝันของเว่ยอู๋เซียนนั้นเต็มไปด้วยเรื่องธรรมดาสามัญ  เช่น การทำกับข้าว การทานอาหาร เลี้ยงไก่ ตัดฟืน และเมื่อน้ำอาบถูกต้มเสร็จ ความฝันก็หยุดลงทันใด ทั้งสองคนเดินออกมาจากบ้านไม้นั้นสองสามก้าว ก็มาโผล่ที่ศาลาอันงดงาม ด้านข้างมีต้นอวี้หลานสยายกิ่งก้านอยู่รายรอบ แลละลานตา ทั้งยังส่งกลิ่นหอมสดชื่นอบอวลไปทั่ว

ความฝันเปลี่ยนตำแหน่งไปอีกครั้ง คราวนี้ทั้งสองคนจดจำสถานที่นี้ได้อย่างแม่นยำ นี่คือหอตำราสกุลหลาน แห่งกูซู

มีแสงเทียนสว่างลอดออกมาจากหน้าต่างบนชั้นที่สอง, พร้อมกับเสียงบางอย่างที่ได้ยินไม่ชัด เว่ยอู๋เซียนมองขึ้นไปยังด้านบน, “เข้าไปข้างในกันเถอะ ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น?”

ด้วยเหตุบางอย่าง, หลานวั่งจีหยุดเคลื่อนไหวด้วยความประหลาดใจ เขามองไปยังบานหน้าต่าง อย่างใช้ความคิด คล้ายกับลังเลอะไรอยู่ เว่ยอู๋เซียนพบว่านี่มันค่อนข้างผิดปรกติอยู่นะ แต่เขานึกเหตุผลไม่ออกว่าทำไมหลานวั่งจีถึงไม่อยากเข้าไปด้านใน, จึงถาม, “มีอะไรหรือ?”

หลานวั่งจีส่ายศีรษะเบาๆ หลังจากเงียบอยู่สักพัก คล้ายกับเขากำลังจะเอ่ยบางอย่างออกมา แต่กลับมีเสียงหัวเราะที่ไร้การควบคุมระเบิดดังขึ้นมาจากข้างในของหอตำรา

ได้ยินเสียงนี้, เว่ยอู๋เซียนก็เบิกตาโพลง เขารีบวิ่งเข้าไปข้างในอาคารอย่างรวดเร็ว กระโดดขึ้นบันไดข้ามทีละสองสามขั้น

ตอนที่เขาเข้าไปด้านใน หลานวั่งจีก็ไม่ได้อยู่ข้างนอกเช่นกัน เขาก็ตามเข้าไปด้วย ทั้งสองคนจึงเดินเข้าไปยังห้องโถงที่จุดตะเกียงไว้เป็นทาง จากนั้นพวกเขาก็ได้เห็นบางอย่างที่น่าสนใจอย่างมากเข้า

บนเสื่อสีอ่อนข้างๆม้วนตำราที่ถูกลงโทษให้คัดลอก เว่ยอิง ตอนที่ยังมีอายุ 16 ปี กำลังหัวร่องอหายอย่างบ้าคลั่งทั้งยังทุบโต๊ะไปด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!”

หนังสือปกขาวถูกโยนลงบนพื้น โดยหลานจ้านในวัยรุ่น ทำท่ารังเกียจมันราวกับกิ้งกือไส้เดือน เขาหันหลังให้กับมุมของหอตำรา แล้วตะคอกออกมาด้วยโทสะขั้นสุด, “เว่ยอิง--!”

เว่ยอิงในวัยนั้นหัวเราะหนักมาก เขาแทบจะลงไปกลิ้งอยู่ใต้โต๊ะของเขาอยู่แล้ว แต่เขาก็ยกมือขึ้นในที่สุด, “ตรงนี้! ข้าอยู่ตรงนี่!”

และตรงที่พวกเขาปรากฏตัว เว่ยอิงในปัจจุบันก็แอบหันไปหัวเราะขำกับภาพที่เห็นเช่นกัน  เขาสะกิดหลานวั่งจีที่ยืนอยู่ข้างๆ, “เป็นฝันที่เยี่ยมไปเลยข้าแทบจะทนไม่ไหวแล้ว, หลานจ้าน, ดูท่านสิ, ดูว่าท่านเป็นเช่นไรในตอนนั้น, การตอบสนองของท่านมัน, ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ...”

จากสาเหตุบางอย่าง, ใบหน้าของหลานวั่งจีตอนนี้ดูแปลกพิกลนัก เว่ยอู๋เซียนลากเขามานั่งบนเสื่อด้านหนึ่ง, ยิ้มกริ่มมองพวกเขาในเวอชั่นวัยรุ่นทะเลาะถกเถียงกัน  เท้าเสื่อเอาคางเกยไว้บนหลังมือ

ตอนนั้น, หลานจ้านในวัยรุ่นได้ชักกระบี่ปี้เฉินออกมาแล้ว เว่ยอู๋เซียนจึงรีบคว้ากระบี่สุ่ยเปี้ยนที่วางอยู่ห่างออกไปไม่กี่นิ้วเช่นกัน, “มารยา! ช่วยมีมารยาทหน่อยคุณชายรองสกุลหลาน! วันนี้ข้าก็นำกระบี่มาด้วยเช่นกันนะ ถ้าพวกเราสู้กัน ท่านคิดว่าหอตำราแห่งนี้จะยังอยู่ดีได้ต่อไปอีกหรือ?”

หลานจ้านฟันกระบี่ลงไป, “เว่ยอิง! เจ้า...เจ้ามันเป็นตัวอะไรกันแน่?”

เว่ยอิงยักคิ้ว, “ข้าจะเป็นตัวอะไรไปได้งั้นหรือ? ข้าก็เป็นคนไง!”

“…” หลานจ้านฟาดกระบี่ต่อไปไม่ยั้ง, “เจ้ามันหน้าไม่อาย!”

เว่ยอิง, “แล้วข้าต้องรู้สึกอายอะไรในเรื่องนี้หรือ? อย่าบอกนะว่าท่านไม่เคยอ่านอะไรแบบนี้มาก่อน ข้าไม่เชื่อท่านเด็ดขาด?”

หลังจากพยายามจะหยุดมือลงสักครู่, หลานจ้านก็วาดกระบี่ฟันเข้าไปใหม่, ใบหน้าเย็นชาราวก้อนน้ำแข็ง เว่ยอิงรู้สึกตกใจที่ถูกเอาจริงเข้า, “เอ้า, นี่ท่านต้องการจะสู้กับข้าให้ได้จริงๆใช่ไหม?” เขาโจมตีกลับ จากนั้นทั้งสองคนจึงจู่โจมโรมรันกันอยู่ในหอตำรา

ตัดมาตรงนี้, เว่ยอู๋เซียนก็อุทานขึ้นมาว่า หืมเขาหันข้างไปมองหลานวั่งจี, แล้วครุ่นคิด, “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้าถึงจำไม่ได้เลยว่ามีการต่อสู้กันด้วยตอนนั้น?”

หลานวั่งจีไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาสักนิด เว่ยอู๋เซียนจ้องเขา แต่เขาไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเว่ยอู๋เซียนแอบมองอยู่  เว่ยอู๋เซียนรู้สึกได้ลึกๆในใจว่าว่าต้องมีเรื่องบางอย่างที่เขาคาดไม่ถึงเกิดขึ้นในคืนนี้ แน่ๆ

เมื่อเขากำลังจะอ้าปากถาม, เขาก็ได้ยินเว่ยอู๋เซียนในวัยรุ่นทำเป็นเล่นตลกไปพลางสู้ไปพลาง, “เยี่ยม,เยี่ยม,เยี่ยม! เจ้าสูญเสียความมั่นคง สิ้นความเยือกเย็น ไร้ความสง่างามของมือกระบี่ แต่หลานจ้าน, โอ้ หลานจ้าน, ท่านรู้หรือไม่ว่าใบหน้าของท่านกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงมากแค่ไหน มันเป็นเพราะท่านได้สู้กับข้า, หรือว่า เพราะสิ่งที่ท่านเพิ่งดูไปเมื่อครู่นี้กัน?”

หลานจ้านในวัยรุ่นไม่ได้หน้าแดงสักนิด เขายังคงเหวี่ยงดาบไปมา ไร้สาระ

เว่ยอิงเอนตัวไปด้านหลังด้วยร่างกายที่ยืดหยุ่นอย่างมากเพื่อหลบการโจมตี  จากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปหยิกแก้มของหลานจ้าน, “จะไร้สาระได้เช่นไร? ท่านน่าจะรู้ตัวเองดีที่สุดสิ ใบหน้าของท่านแดงเกือบจะไหม้อยู่แล้ว, ฮ่าฮ่า!”

ใบหน้าของหลานจ้านเปลี่ยนไปมาเป็นสีแดงสลับสีขาว เขาแทบจะปัดมือนั้นทิ้งทันที แต่เว่ยอิงกลับชักมือหลบออกมาเสียก่อน เขาปัดไปก็ไม่โดนอะไร จนกลายเป็นว่ามือที่บัดออกไปนั้นตีถูกตัวเองเข้า เว่ยอิงยังคงหนีไปรอบๆพร้อมกับตะโดนว่า, “ หลานจ้าน, โอ้, หลานจ้าน, มันไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายเสียหน่อย ลองดูคนอื่นๆที่อายุเท่าท่านสิ ยังมีใครที่จะหน้าแดงง่ายๆอยู่อีกหรือ? ทนไม่ได้กับความวาบหวามเล็กๆน้อยๆหน่ะ-ท่านมันไร้เดียงสาเสียจริง!”

ไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะได้เกิดขึ้นจริงๆหรือเป็นเพียงแค่ความฝันของเขา  แต่มันก็คงเป็นหนึ่งในความฝันของหลานวั่งจี เว่ยอู๋เซียนรู้สึกมีความสุขในปรากฏการณ์นี้, “หลานจ้าน,ท่านเอาคืนข้ามากเกินไปแล้ว ข้าอยากจะบอกนะ

แต่เขาไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเลยว่า หลานวั่งจีตอนนี้มีท่าทีกระวนกระวายอย่างผิดปรกติเพียงใด

อีกด้าน, เว่ยอิงก็เข้าไปนัวเนียพาลมือพาลเท้า, “คัดลอกตำราน่าเบื่อจะตาย  ทำไมไม่ให้ข้าสอนท่านเรื่องพวกนี้ ในระหว่างที่ท่านกำลังคัดหนังสือหล่ะ? รีบขอบคุณข้าสิที่ข้าดูแลท่าน...”

ถูกกระตุ้นจุดเดือดอยู่นาน ในที่สุดหลานจ้านก็ไม่สามารถทนไหวได้อีกต่อไปแล้ว ปี้เฉินถูกชักออกจากฝัก กระบี่ทั้งสองปะทะกัน แล้วกระเด็นออกนอกหน้าต่างทั้งคู่ ,เห็นกระบี่สุ่ยเปี้ยนหลุดออกจากมือ, เว่ยอิงก็ตกใจเล็กน้อย, “เฮ้,กระบี่ของข้า!”

ไวเท่าความคิด,เขาก็กระโดดออกไปนอกหน้าต่างเพื่อคว้ากระบี่ แต่หลานจ้านดึงเขาเอาไว้จากด้านหลัง แล้วดันตัวเขาลงบนพื้น ศีรษะของเว่ยอิงกระแทกกับเสื่อ แล้วทั้งสองก็รีบกลับมาต่อสู้กันอีกจนเละเทะ เว่ยอิงเตะขาออกไปอย่างแรงสุดแรงเกิด ใช้ศอกถลุงออกไป แต่ก็ไม่สามารถหนีออกไปจากการกอดรัดฟัดเหวี่ยงของหลายจ้านได้ไม่ว่าจะทำวิธีใดก็ตาม ราวกับว่าเขาถูกรัดอยู่ในตาข่ายเหล็กที่ไม่มีวันฉีกขาดได้, “หลานจ้าน! ท่านกำลังจะทำอะไร, หลานจ้าน! ข้าแค่ล้อเล่นเองนะ! ทำไมท่านถึงต้องจริงจังขนาดนี้ด้วย?!”

หลานจ้านจับข้อมือของเขาเอาไว้ แล้วกดร่างของเขาจากด้านหลัง  หลานจ้านลดเสียงลงต่ำ, “ว่าไง, เจ้า ต้อง การ จะ สอน อะไรข้าหล่ะ?”

น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือก, แต่ภายในดวงตาดูเหมือนกับจะมีภูเขาไฟกำลังปะทุใหญ่ใกล้จะระเบิดอยู่รอมรอแล้ว

ตอนแรกพวกเขามีทักษะการต่อสู้ใกล้เคียงกันแต่ด้วยความประมาท เว่ยอิงจึงถูกจับตรึงลงกับพื้น อย่างไร้ทางต่อกร เขาแสร้งทำเป็นไม่ยี่หระ, “ไม่นะ, ข้าไม่ได้พูดอะไรเสียหน่อย

หลานจ้าน, “เจ้าไม่ได้พูดอะไรเลยหรือ?”

เว่ยอิงตอบอย่างมั่นใจ, “ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น!”

เว่ยอิงเริ่มสำทับไปอีก, “อย่าเถรตรงไปหน่อยเลยน่า, หลานจ้าน, อย่าเก็บทุกสิ่งที่ข้าพูดมาคิดเป็นจริงเป็นจังได้ไหม ข้าไม่เข้าใจเลยว่าท่านเชื่อเรื่องไร้สาระทั้งหมดนั่นเข้าไปได้ยังไง  มีอะไรน่าโมโหกัน? ข้าจะหยุดแล้ว ตกลงไหม? รีบปล่อยข้าเร็วๆเข้า วันนี้ข้ายังคัดลอกคัมภีร์ไม่เสร็จเลย ข้าไปแล้ว ข้าจะไปแล้ว

ได้ยินดังนั้น, ใบหน้าของหลานจ้านก็เหมือนจะผ่อนคลายลงไปบ้าง และอ้อมแขนของเขาก็ลดแรงลง เว่ยอู๋เซียนจึงดึงข้อมือของตัวเองออกมาได้, เขายิ้มอย่างซุกซนและจ้องมองฝ่ามือของตนเอง

อย่างไรก็ตาม, เขาก็ยังคงตั้งการ์ดระวังตัวอยู่, หลานจ้านจับตัวเว่ยอิงได้อีกครั้งตอนที่เขาจู่โจมเข้ามาใหม่, บังคับกอดให้เขาล้มลงอีกเหมือนเดิม คราวนี้หลานจ้านใส่แรงหนักขึ้นจนข้อมือของเว่ยอิงบิดโค้งจนแทบจะหัก เว่ยอิงรีบตะโกนอย่างเร่งร้อน, “ข้าบอกท่านแล้วไงว่าล้อเล่น! หลานจ้าน! ท่านจะรับมุกข้าสักนิดไม่ได้เชียวหรือ

คล้ายจะมีเปลวไฟกำลังเต้นระริกอยู่ภายในแววตาของหลานจ้าน เขาดึงผ้ารัดศีรษะออกแล้วพันรอบแขนของเว่ยอิงที่ตกอยู่ใต้ร่างของเขาสามทบโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ล๊อกตัวเขาไว้ด้วยปมที่ผูกไว้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นเหตุการณ์กลับตาละปัดเช่นนี้, เว่ยอู๋เซียนคนปัจจุบันที่เฝ้ามองอยู่ด้านข้างก็เหมือนถูกทำให้ตะลึงจนพูดไม่ออก

จากนั้นไม่กี่อึดใจ, เขาจึงหันไปมองหลานวั่งจีนั่งที่อยู่ข้างๆในที่สุด, เขาพบเพียงใบหน้าขาวเปล่งประกายของหลานวั่งจี, ไร้ร่องรอยของสีแดงแต่งแต้มแม้เพียงสักนิด, แต่ติ่งหูของเขาได้กลายเป็นสีชมพูไปแล้ว

เว่ยอู๋เซียนเริ่มเกาะแกะใส่คนข้างๆ, เนื่องจากสถานการณ์ดูไม่ค่อยดี, “ท่านพี่หลาน...เหมือนมีบางอย่างผิดปรกติไปในฝันของท่านนะ,ท่านว่าไหม?”

“....” หลานวั่งจีลุกขึ้นยืนทันใด, “หยุดมองได้แล้ว

เว่ยอู๋เซียนรีบคว้าคนที่เพิ่งลุกขึ้นและกำลังท่าจะจากไปไว้แน่น, “อย่าเพิ่งไป! ข้ายังอยากดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นในฝันของท่านกันแน่ พวกเรายังไปไม่ถึงตอนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมันมิใช่หรือ?

บนโต๊ะเตี้ยในหอตำรา, เว่ยอู๋เซียนโวยวายได้สักพักเพราะถูกหลานจ้านมัดไว้ หลังจากทำใจได้แล้วเขาจึงพยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามาจูงใจคนข้างๆ, “หลานจ้าน, สุภาพบุรุษพึงใช้การเจรจามากกว่าใช้กำลัง หากท่านทำกับข้าเช่นนี้ มันจะกลายเป็นว่าท่านเป็นคนใจแคบนะ คิดให้ดีๆสิ ข้าได้พูดอะไรถึงท่านตรงไหน?”

หลานจ้านถอนหายใจโดยไร้สำเนียง, น้ำเสียงพลันเย็นเยียบ, “เจ้าไปคิดเอาเองเถอะว่าเจ้าได้พูดอะไรเกี่ยวกับข้าออกไปบ้าง

เว่ยอิงประท้วง, “ข้าพูดแค่ว่า ท่านมันไร้เดียงสา, ก็ท่านไม่รู้จักเรื่องอย่างว่า มันไม่ใช่เรื่องจริงหรือไรเล่า? ยังมีเรื่องของพวกคนที่โตแล้วบางเรื่องที่ท่านยังไม่เข้าใจมิใช่หรือ? ที่ท่านทำกับข้าแบบนี้เพราะท่านถูกข้าเปิดโปงใช่หรือไม่ - แล้วมันจะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไรหากมิใช่เพราะท่านมันใจแคบ?”

หลานจ้านมิได้แยแส, “ใครว่าข้าไม่เข้าใจ?”

เว่ยอิงเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับยิ้มกริ่ม, “โอ้ววววว, จริงหรือ? หยุดปากแข็งเถอะ มันจะเหนือจินตนาการมากเกินไปหน่อยแล้วหล่ะ หากท่านจะทำเรื่องอย่างว่าเป็นหน่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ...อ่าห์!”

อยู่ๆเขาก็อุทานออกมาเพราะหลานจ้านคว้าจับส่วนที่อยู่เบื้องล่างของเขาอย่างกะทันหัน

มือสากหนาของหลานจ้านเต็มไปด้วยกำลังแกร่งสมวัยหากแต่กลับเย็นเฉียบ เขากล่าวซ้ำอีกครั้ง, “ใครบอกว่าข้าไม่เข้าใจ?”

เว่ย๋เซียนคนปัจจุบันนัวเนียอยู่บนตัวหลานวั่งจี, เกือบจะขบติ่งหูของเขาอยู่แล้ว, “ใช่, ผู้ใดกล่าวว่าท่านไม่เข้าใจเรื่องอย่างว่ากัน? สิ่งที่ท่านคิดหลังจากที่ท่านได้หลับฝันไปในตอนกลางคืนนั้น หลานจ้าน, บอกความจริงข้ามาเถอะ ท่านอยากจะทำอย่างนี้กับข้าตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วใช่หรือไม่? ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย...ว่าหานกวงจวินจะเป็นคนเช่นนี้

แม้ว่าหลานวั่งจีจะยังคงแสดงสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิม แต่ลำคอผ่องของเขาก็ค่อยๆเแอบเปลี่ยนเป็นสีชมพูแล้ว กระทั่งนิ้วมือเรียวที่วางพาดไว้ที่เข่าก็เริ่มงอข้อนิ้วขึ้นมาโดยไม่ทันรู้สึกตัว

อีกฝั่ง เมื่อเว่ยอิงในวัยรุ่นสามารถรวบรวมความกล้าได้สำเร็จ เขาอ้าปากจะพูดอยู่สองสามครั้งจนกระทั่งเปล่งเสียงออกมาได้ว่า ท่านทำบ้าอะไรของท่านเนี่ย,หลานจ้าน! ท่านเป็นบ้าไปแล้วหรือ?!”

ร่างทั้งร่างของหลายจ้านแทรกเข้ามาระหว่างขาสองข้างของเว่ยอิง ในท่าที่ทำให้เขารู้สึกถูกคุกคาม ดูท่าแล้วว่าเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เว่ยอิงก็รีบกลับคำพูดของเขาเสียใหม่, “ไม่,ไม่,ไม่! ไม่มีใครเคยพูดว่าท่านไม่เข้าใจเรื่องอย่างว่าเลยนะ! ---ปล่อยข้าก่อนเถิด- เรื่องนั้น เรามาค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีหรือไม่!”

เขาเหวี่ยงแขนไปมาด้วยความกระวนกระวาย แต่ผ้าคาดศีรษะสกุลหลานนั้นทำมาจากเนื้อผ้าอย่างดี ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไร เขาก็ไม่สามารถทำให้ผ้าที่พันธนาการเขาไว้ฉีกขาดได้แม้เพียงนิด ขยับดิ้นไปมาอีกสองสามครั้ง เขาก็เห็นหนังสือปกขาวเล่มนั้นตกอยู่ใกล้ๆ เว่ยอิงคว้ามันขึ้นมาแล้วปาไปทางหลานจ้าน โดยหวังให้ภาพประกอบในนั้นน๊อคหลานจ้านให้นิ่งไปซะ ใจเย็นๆก่อน!”

ตอนแรกหนังสือก็กระแทกเข้ากับหน้าอกของหลานจ้านก่อนที่จะเด้งตกลงมาระหว่างขาสองข้างของเว่ยอิงที่กำลังอ้ากว้างแล้วพลิกต่ออีกสองสามหน้า หลานจ้านเพียงมองมัน แต่จากนั้นเขาก็ไม่สามารถมองอย่างอื่นได้อีกเลย

มันช่างบังเอิญอย่างยิ่ง เพราะหน้าที่ปรากฏนั้น มีภาพประกอบในท่าทางลามกสุดอนาจารที่ทำให้เลือดลมสูบฉีดไปหมดอยู่ ยิ่งกว่านั้นในภาพนั่นยังเป็นภาพของผู้ชายกับผู้ชายอีกด้วย

เว่ยอู๋เซียนจำได้ว่าหนังสือภาพที่เขาเอาให้หลานวั่งจีดูตอนนั้นไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการตัดแขนเสื้อเสียหน่อย ความแตกต่างนั้นไม่ใช่แค่หน้าเดียวเสียด้วย เขาได้แต่ประหลาดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ รายละเอียดในฝันของหลานวั่งจีนี่มันช่าง...สมบูรณ์ครบถ้วนจนเขาอดที่จะอ้าปากค้างอย่างยอมรับไม่ได้!

หลานจ้านจองภาพนั่นตาไม่กระพริบ เว่ยอิงก็เห็นภาพนั้นแล้วเช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วน, “...เอ่อออ...”  เขาคร่ำครวญอยู่ในใจเป็นร้อยๆพันๆครั้ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระทำนั้นส่งผลมากกว่าคำพูด เขารวบรวมแรงทั้งหมดไว้ที่เท้าแล้วเตะสะเปะสะปะออกไป  แต่ด้วยมือข้างเดียว ,หลานจ้านก็จับเข่าด้านข้างของเขาแบะออกในท่าที่กว้างกว่าเดิม เขาถอดเข็มขัดและเสื้อผ้าของเว่ยอิงออกด้วยการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง

เว่ยอิงรู้สึกว่าก้นของเขาเย็นขึ้นมาวูปหนึ่งจึงก้มลงดู, เขารู้สึกว่าหัวใจของตัวเองแทบจะกลายเป็นน้ำแข็งไปเดี๋ยวนั้นพร้อมอุทานขึ้นว่า, “ท่านจะทำสิ่งใด, หลานจ้าน?!”

อีกด้านหนึ่ง, เว่ยอู่เซียนที่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็รู้สึกตื่นเต้นจัด เขาตะโกนอยู่ในใจว่า, แล้วเจ้าคิดว่าเขากำลังจะทำอะไรเล่า? เขากำลังจะมีอะไรกับเจ้าแล้ว!

เปลื้องกางเกงออก ขาของเว่ยอิงทั้งเรียวยาวและขาวจัด, เขาถูกเปลือยกายจนหมดแต่ก็ยังไม่หยุดที่จะพยายามเตะไปรอบๆ หลานจ้านกดขาข้างนั้นลงไป ทำตามภาพประกอบหนังสือที่เห็น, มือขวาของเขาควานเข้าไปยังจุดที่ปิดแน่นระหว่างกลางของแก้มก้นอวบขาวนิ่มทั้งสอง

ส่วนล่างทั้งหมดของเว่ยอิงเกร็งแน่น แม้จุดที่ซ่อนเร้นจะถูกบังคับจับต้องอย่างฝ่าฝืน เขาก็ไม่อาจหาสิ่งใดมากำบังหลบซ่อนกายไปได้ หลานจ้านถูไถปากทางถ้ำรักสีชมพูด้วยสองนิ้วเรียวของเขา เว่ยอิงสะท้านสั่น ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่ แต่เขาก็ยังคงพยายามดิ้นรนอย่างถึงที่สุด พลางบิดตัวหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่คนที่อยู่ด้านบนของเว่ยอิงกลับใช้มือขวาของเขานวดคลึงจุดที่ไวต่อสัมผัสนั้นไว้อย่างใจเย็น เปลือกตาปรือลงต่ำ ริมฝีปากปิดสนิท จากนั้นเขาก็เพิ่มแรงลงไปอีกทีละเล็กทีละน้อยอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนกระทั่งจุดๆนั้นคลายตัวลงและอ่อนนุ่มขึ้น ในที่สุดหลังจากถูไถสัมผัสไปเรื่อยเรื่อย ร่องสีชมพูนั่นก็เปิดออกเล็กน้อยกลืนกินเรียวนิ้วหยกขาวเข้าไปทีละนิดราวกับกำลังเอียงอาย

เว่ยอู๋เซียนจ้องไปยังหลานวั่งจีพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก, “นี่คือเหตุผลที่ทำให้ท่านไม่ยอมจะเข้ามาที่นี่ในตอนแรกสินะ, หานกวงจวิน เพื่อทำเช่นนี้กับข้าในความฝัน กลัวว่าจะถูกข้าจับได้ - ท่านต้องการจะซ่อนมันไว้ตลอดไปจริงๆหรือ, หืม?”

หลานวั่งจีนั่งตัวตรงแหน่วอยู่ข้างๆเขา ตามองพื้น แต่ขนตาเหมือนจะกระเพื่อมไหวอยู่เล็กน้อย

เว่ยอู่เซียนเท้าคางมองฉากตรงหน้า มองดูร่างเขาในวัยเยาว์ถูกตรึงไว้ด้วยปลายนิ้วของหลานวั่งจีในวัยเดียวกัน เขายกมุมปากโค้งขึ้นอีกครั้ง, “หากท่านยังสามารถฝันถึงเรื่องแบบนี้หลังจากครั้งนั้น, หานกวงจวิน, ท่านก็น่าจะทำอย่างเช่นที่ทำอยู่กับข้าตอนนี้ไปเลยนะ ข้า...”

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ, หลานวั่งจีก็รวบข้อมือของเขาแล้วผลักร่างของเว่ยอู๋เซียนลงบนพื้น, ปิดริมฝีปากของคนช่างจ้อด้วยริมฝีปากของเขา เว่ยอู๋เซียนสัมผัสได้ถึงแก้มที่ร้อนผ่าวและหัวใจที่เต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งภายในอกของเขา เว่ยอู๋เซียนค้นพบได้ว่านี่ช่างเป็นเรื่องน่าสนุกยิ่ง  ทันที่ที่ริมฝีปากชุ่มชื้นแยกออกจากกัน เขาก็รำพึงออกมาว่า, “อะไรกัน, นี่ท่านเขินอีกแล้วหรือ?”

ลมหายใจของหลานวั่งจีสะดุดอย่างแรง เขาไม่ตอบ

เว่ยอู๋เซียน, หรือว่า....ท่านมีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว?

ในขณะเดียวกัน, เว่ยอิงที่อยู่บนโต๊ะก็สะอื้นเฮือก พร้อมกับครางยาว

หลานจ้านได้เอนกายแทรกเข้าไปในร่างของเว่ยอิงแล้ว ส่วนล่างของทั้งสองคนแนบสนิท  วัตถุแปลกปลอมได้เสียบเข้ามาในร่างของเขาทีละนิดทีละนิด  เว่ยอิงรู้สึกอึดอัดยิ่ง ขาทั้งสองจึงงอขึ้น เพราะว่ามือทั้งสองข้างของเขาถูกมัดไว้ด้วยผ้าคาดศีรษะอย่างแน่นหนา เขาจึงแทบจะกระดิกตัวไม่ได้ เว่ยอิงบังคับให้ศีรษะของตัวเองยกกระแทกผนังจนเกิดเสียงดังอยู่สองสามครั้งเพราะเขาเจ็บมากเสียจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว หลานจ้านเอามือมารองศีรษะของเว่ยอิงไว้ต่างหมอน ในขณะเดียวกันก็ส่งเจ้าสิ่งนั้นเข้าไปในร่างของเว่ยอิงจนสุด

ในตอนแรกจุดนั้นของเว่ยอิงแค่สอดเข้าไปด้วยนิ้วเดียวก็ยังยาก แต่ตอนนี้มันขยายกว้างขึ้นด้วยอุปกรณ์ที่ทั้งร้อนและแข็ง รอยจีบอันบอบบางถูกถ่างออกจากันได้อย่างราบรื่น เว่ยอิงรู้สึกราวกับเห็นดาววิบวับเต็มไปหมด จึงไม่ได้รับรู้ว่ากำลังเกิดสิ่งใดขึ้น แต่เมื่อหลานจ้านค่อยๆเริ่มเสือกกายเข้าออก, ตามภาพประกอบที่ใช้อ้างอิง, เว่ยอิงก็ปล่อยเสียงครวญครางออกมาโดยไม่รู้ตัว

เว่ยอู๋เซียนหันไปพูดกับหลานวั่งจี, “ตอนนั้นร่างกายของท่านยังเติบโตไม่เต็มที่นัก, หลานจ้าน, แต่ขนาดไอ้นั่นของท่านมันไม่ถูกต้องเอาเสียเลย  ข้ายังไม่เคยเลยนะ, ดังนั้นข้าบอกได้เลยว่าครั้งแรกในหอตำรานี่จะต้องเป็นรอบที่เจ็บปวดมากเป็นอย่างยิ่ง

เขาพูดไปด้วยพร้อมกับเสียดสี และดุนเข่าของตัวเองเข้ากับขาของหลานวั่งจีอย่างมีจุดประสงค์แอบแฝง   เบื้องหน้าของเขาก็มีหนังสดที่ตัวเองกำลังเล่นเป็นตัวเอก เขาเกิดอารมณ์ขึ้นมาแล้วและต้องการที่จะปลดปล่อยความต้องการออกมา

ไม่ทันต้องรอนาน, หลานวั่งจีก็ฉีกเสื้อผ้าของเขาออกเป็นชิ้นๆ แหวกสาบเสื้อของเขาลงต่ำ โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆทั้งสิ้น, ในขณะเดียวกันเว่ยอู๋เซียนก็แยกขาออกแล้วเกี่ยวเอวของเขาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ หลานวั่งจีใช้มือข้างหนึ่งช่วยชักลำกล้องของเขาไว้และใช้มืออีกข้างนวดไปยังปากทางสอดใส่

พวกเขาทั้งสองทำรักกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  ทั้งร่างกายและหัวใจของเว่ยอู๋เซียนนั้นคุ้นเคยกับหลานวั่งจีอยู่แล้ว เขากอดคอหลานวั่งจีอย่างแนบแน่นแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นเขาก็ต้องคมดาบเสียบแทงเข้าสู่ภายใน

ขั้นตอนทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น ทางเข้านั้นทั้งนุ่มและอุ่นร้อน,ชุ่มแฉะและรัดรึงตึงแน่น กลืนกินเจ้าสิ่งที่บังอาจบุกรุกเข้ามาอย่างหมดจรดจนไม่เหลือ  ราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่ออยู่บนตัวของอีกคน จากนั้นตรงจุดที่ร่างกายของพวกเขาเชื่อมเข้าด้วยกันก็เกิดเสียงชื้นฉ่ำบีบรัดและเสียงเนื้อกระแทกเนื้อ

เจ้าสิ่งนั้นของหลานวั่งจีค่อนข้างน่าประทับใจทั้งในด้านขนาดและน้ำหนัก ซ้ำรูปร่างของมันยังโค้งเล็กน้อยเป็นทรงงัด เวลาที่สอดใส่เข้าออกมันก็จะแตะโดนจุดกระสันอันอ่อนไหวที่อยู่ด้านในผนังนุ่มอย่างแม่นยำ   และในทุกครั้งที่จุดนั้นถูกจู่โจม ก็สร้างจะคลื่นแห่งความเสียวซ่านกำทราบทรวงเป็นความสุขสมอันเอ่อล้นท่วมท้นไม่มีประมานแก่พวกเขาทั้งสอง

เว่ยอู๋เซียนรู้สึกสมองว่างเปล่าศีรษะเบาหวิวทุกครั้งเวลาที่หลานวั่งจีขยับเจ้าสิ่งนั้นเข้าๆออกๆ ส่วนสัมผัสรักภายในของเขาหดเกร็งเป็นระยะๆ เขาสั่นสะท้านตั้งแต่บนยอดศีรษะไปจนจรดปลายเท้า แอ่นคอไปด้านหลังอย่างเพลิดเพลิน , จากมุมนี้เขาเพิ่งจะได้เห็นเว่ยอิงคนในฝันของหลานวั่งจียามอายุ 16 ปีผู้ที่กำลังอยู่ในห้วงทุกข์ทรมานกับความสุขสมอย่างชัดเจน

เขานอนอยู่ท่ามกลางม้วนตำราที่กระจัดกระจายเกลื่อนพื้น, ข้อมือถูกมัดเข้าด้วยกันถูกยกขึ้นไว้เหนือศีรษะอย่างระทดระทวย ผ้ามัดผมสีแดงของตัวเองก็หายไปที่ไหนไม่รู้ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เขากำลังเบะปากร้องไห้ น้ำตาเอ่อท้นดวงตาปริ่มกำลังจะไหล ด้านบนของลำตัว, หลานจ้านกำลังขยันขันแข็งจัดหนักอยู่ ตอนนั้นเขาคิดว่าเรียวขาของเว่ยอิงยังอ้าออกกว้างไม่พอ เขาจึงจับขาของเว่ยอิงพาดขึ้นบนไหล่ของตัวเองแล้วสอดใส่เจ้าสิ่งนั้นเข้าไปใหม่ ขาสองข้างนั้นค้างอยู่บนไหล่สองข้างของเขาได้ไม่นานก็เคลื่อนตกลงมายังส่วนโค้งตรงข้อศอก ส่วนอ่อนนุ่มของต้นขาด้านในกับกล้ามเนื้อรอบๆช่องทางรักก็ให้บิดเกร็งไปมา เห็นได้ชัดเลยว่าเว่ยอิงถูกทำให้มัวเมาไปกับเจ้าสิ่งอุ่นร้อนแนวโค้งทรงงัดที่ขุดดุ๊กดิ๊กเข้าไปภายในทางรักของเขาอย่างบ้าคลั่ง นี่เป็นครั้งแรกของเขา เขาจึงทำอะไรไม่เป็นนักนอกจากใช้มือจิกไหล่ทั้งสองของหลานจ้านไว้แน่น ราวกับคนที่กำลังจะจมน้ำ เท่าที่พอจำได้นั้นความทุกข์ทรมานของเขา ล้วนมาจากความเสียหายข้างในช่องทางหลังจากนั้น

ตอนที่เขามองไปยังตัวเองในวัย 16 ปีที่กำลังหน้าแดงก่ำและเรือนกายสั่นสะท้านจากการถูกหลานจ้านวัย 16ปีกำลังทำรัก, เว่ยอู๋เซียนรู้สึกว่านั่นมันยังไม่เพียงพอ หลานจ้านในวัยเยาว์ควรจะหยาบคายกว่านี้, มุทะลุ ใช้กำลังให้รุนแรงกว่านี้, ควรจะปั่นหัวเว่ยอิงในตอนนั้นจนเขาต้องร้องไห้ออกมาอย่างสุดเสียงสิ  แบบนี้มันช่างห่างไกลจากที่คิดไว้เยอะเลยนะ

ภายในพื้นที่เล็กๆของหอตำราได้ปกปิดการกระทำบางอย่างของคนทั้งสองไว้ เว่ยอิงที่กำลังล่อยลอยไปในม่านหมอกถูกปลุกกลับมาด้วยเสียงของเนื้อที่กำลังกระทั้นกระแทกกัน  มองเหม่อไปยังเพดานของหอตำราก่อนทีจะค่อยๆรั้งสายตาลงต่ำด้วยร่างกายอันสั่นเทา แม้เขาอยากจะรู้เต็มแก่ว่าช่วงล่างของตนเองเป็นอย่างไรไปแล้วบ้างนั้น แต่เขาก็ยังไม่มีความกล้าพอ  พอดีกับที่หลานจ้านเริ่มพักเหนื่อย เขายกขาสองข้างของเว่ยอิงขึ้นพาดบ่า แล้วโน้มตัวไปด้านหน้า จากนั้นเริ่มพุ่งเข้าทำรักกับเว่ยอิงอีกครั้ง, เอวของเว่ยอิงยืดหยุ่นอ่อนตัวจนบิดโค้ง ท่ามกลางภาพที่ไม่ชัดเจนผ่านการปกคลุมของม่านหยดน้ำตา เขาก็มองเห็นสิ่งที่อยู่ระหว่างสะโพกของตนเองได้เสียที

ช่องทางสีชมพูเล็กๆตอนนี้ถูกทารุณกรรมจนเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดด้วยฝีมืออุปกรณ์ประจำกายของหลานจ้าน  รอบๆขอบของช่องทางดูบวมเป่งจนน่าสงสาร อาวุธคู่กายที่ทั้งยาวทั้งแข็งยังคงเคลื่อนเข้าๆออกๆ ทั้งสารคัดหลั่งสีน้ำนม รอยเลือดเป็นริ้วๆ และน้ำใสๆไม่ทราบที่มาเปรอะไปทั่วส่วนที่พวกเขาใช้เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน พวกเขาทำสิ่งที่เลอะเทอะยุ่งเหยิง  และยิ่งกว่านั้น ส่วนด้านหน้าของเขาเองก็ตั้งขึ้นมาอีกด้วย แถมยังพ่นน้ำสีขาวออกมาจากตรงส่วนปลาย

ราวกับเห็นเรื่องสยองขวัญ, เว่ยอิงถึงกับช๊อคจนพูดไม่ออก ทันใดนั้นเขาก็ต่อต้านสุดแรงเกิด รวบรวมแรงทั้งหมดที่เหลือสะบัดข้อมือของหลานจ้านออก จากนั้นก็พลิกตัวลงคลานเข่าเพื่อหลบหนี

แต่เนื่องจากถูกทำรักอย่างรุนแรงมาพักใหญ่ เมื่อคว่ำหน้าลงกับพื้นได้เขาก็หมดสิ้นเรี่ยวแรงไปเสียเฉยๆ ช่วงล่างรวมถึงหัวเข่าของเขาสั่นไปหมด จนทำให้เขาคลานไปได้ไม่ไกลก่อนจะล้มลงใส่พื้น ท่วงท่านี้ถึงกับทำให้สะโพกที่ขาวราวหิมะทั้งยังกลมกลึงของเขายกสูงขึ้นมาในอากาศ น้ำรักสีขาวรวมกับเลือดสีแดงหยดไหลออกมาจากช่องทางรักที่ยังเปิดอยู่ รอบๆปากทางนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยสีม่วงแดงคล้ำช้ำเลือดช้ำหนอง ซึ่งมากพอที่จะเหนี่ยวนำให้ผู้ที่ชอบใช้ความรุนแรงเกิดอารมณ์เพียงแค่มองเห็นมัน

และนั่นก็ปรากฏชัดอยู่ในแววตาของหลานจ้านที่อยู่ด้านหลังของเขา หลานจ้านหรี่ตาลงแล้วไล่ตามเว่ยอิงที่คลานไปกับพื้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ เว่ยอิงรู้สึงถึงบางสิ่งที่รัดเอวของเขาเอาไว้ เขาถูกล๊อกให้อยู่กับที่ ส่วนที่เคยว่าเปล่าได้เพียงชั่วครู่ทันใดนั้นก็ถูกเติมเต็มเข้าไปอีกครั้ง

เขาครางอย่างหมดแรงจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ, “ไม่...

ต้องเผชิญกับการเคี่ยวกรำถูกทำทรมานอย่างยิ่งยวด, ในที่สุดร่างกายของเขาก็อ่อนยวบเหลวเป๋ว, สามารถกลืนกินอุปกรณ์โหดร้ายที่ทารุณเขาอย่างหนักหน่วงได้อย่างง่ายดาย เว่ยอิงหมอบราบคาบแก้วอยู่บนเสื่อ ร่างกายเคลื่อนไปด้านหน้าตามจังหวะการกระแทกเข้าออกของเจ้าสิ่งนั้น ประกายความสิ้นหวังสะท้อนออกมาบนใบหน้าของเขา  ในอดีตตอนที่เขายังเข้าไปเที่ยวเล่นตามป่าเขา เขาเคยเห็นสัตว์ผสมพันธุ์กันด้วยท่วงท่าแบบนี้ คือถูกล่วงล้ำจากทางด้านหลัง, มันเป็นเรื่องธรรมชาติแต่เขาก็รู้สึกอับอายมากเข้าไปอีก, ภายในช่องทางรักของเขากำลังกระตุกรัดแน่น หลานจ้านตรึงเอวของเขาไว้แล้วกระแทกกระทั้นเข้าไปอย่างหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น หลังจากไต่ระดับขึ้นไปอย่างเข้มข้น เว่ยอิงก็รองรับการกระทำนั้นไม่ไหวอีกต่อไป

ใบหน้าซีกหนึ่งและลำตัวส่วนบนของเขาถูกกดนาบเข้ากับพื้นห้องด้วยแรงมหาศาล เขารีบเข้าไปออดอ้อนอย่างละล่ำละลัก, วะ-ไว้ชีวิตข้าเถิด, ไว้ชีวิตข้าเถิด...หลานจ้าน, คุณชายรองสกุลหลาน, ได้โปรดไว้ชีวิตข้า...

แทนที่จะได้รับความเมตตา เขากลับถูกกระแทกลึกขึ้นเร็วขึ้นจนยับ แน่นอนว่าข้ออ้างที่เขายกมาขอร้องนั้นไม่มีประโยชน์เลยสักนิด  เว่ยอู๋เซียนหัวเราะร่า, “สวรรค์, ข้าเกือบจะมีอารมณ์อยู่แล้วเชียว เจ้าอย่าปล่อยเขาไปเชียวนะ สิ่งที่ควรทำก็คือเจ้าต้องเอากับเขาให้จงหนักไปทั้งคืน...อ่าห์...

หลานวั่งจีพลิกร่างของเว่ยอู๋เซียนให้ขึ้นมานั่งคล่อมบนตัก ด้วยน้ำหนักของตัวเองที่กดทับลงมาทำให้เว่ยอู๋เซียนต้องกลืนกินเจ้าสิ่งนั้นเข้าไปลึกขึ้น, ลึกเสียจนคิ้วของเขาผูกเป็นปม ใบหน้าของเขาเหยเกขึ้นเล็กน้อย เขารีบหันเหความสนใจของตนเองไปสู่การขึ้นขี่หลานวั่งจีดีกว่า ปรับท่าทางของตนให้เข้าที่ จนเขาไม่เหลือแรงที่จะพ่นคำพูดน่าอายทั้งหลายออกมาได้อีกต่อไปแล้ว

หลังจากนั้นเสียงตอกอัดและบดกระทบ กระแทกกระทั้นระหว่างผิวเนื้อของคนสองคนก็ค่อยๆดังขึ้นๆ เสียงร้องไห้อ้อนวอนของเว่ยอิงก็ฟังดูน่าอนาถขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน, “หลานจ้าน...หลานจ้าน...ท่านได้...ท่านได้ยินข้าหรือไม่....มันลึกเกินไปแล้ว...อย่าเข้ามาทั้งหมดได้ไหม....ข้าเจ็บท้องไปหมดแล้ว...

ทุกครั้งที่หลานจ้านกระแทกเข้าใส่ มันราวกับมีอะไรเสียบแทงเข้ามาในร่างกายของเขา  ร่างกายของเว่ยอิงทั้งเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งมึนงงไปหมดจากการถูกย่ำยี ช่วงล่างของเขาแทบจะไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว และเขายังคงพยายามที่จะคลานหนี, แต่ทุกครั้งเขาก็จะถูกลากกลับมาอย่างไม่ปราณีปราศรัย, ถูกบังคับให้ต้องรองรับอุปกรณ์คู่ใจของหลานจ้านเข้าไปในร่างกายให้ลึกที่สุด ถูกบังคับให้ทำซ้ำๆอยู่แบบนั้น จนกระทั่งเขาพึมพำออกมาด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย, ฟัง...ฟังข้า, ด-ด้านนอกยังมีคนรอข้าอยู่ เจียงเฉินและคนอื่นๆ..ยังรอข้าอยู่ข้างนอกนั่น...อ๊าห์!”

ได้ยินดังนั้น, หลานจ้านถึงถอนกายออกมาทันที และพลิกร่างของเขาขึ้นมา

เว่ยอิงถึงกับครางออกมาด้วยน้ำตาที่ไหลเป็นทาง  จากนั้นเขาก็รีบขดกายเป็นก้อนกลมราวกับต้องการจะหลบหนีจากทุกสิ่งทุกอย่างไม่ต่างกับทารก  แต่เขาก็มาถึงจุดสุดยอดพอดี ตอนนั้นของเหลวสีขาวไหลออกมาเปรอะสิ่งนั้นของเขาไปหมด  ร่องรักที่ถูกบังคับฝืนใช้งานมาอย่างยาวนานกำลังบวมเป่ง มันขมิบบีบตัวอ้าๆหุบๆดันของเหลวสีขาวขุ่นและเลือดสีแดงออกมาราวกับกำลังหิวโหยและไม่ต้องการให้ส่วนนั้นของหลานจ้านผละออกไป

อีกด้าน, เอวและสะโพกของเว่ยอู๋เซียนกำลังถูกหลานวั่งจีประครองไว้โดยที่เขากำลังสอดใส่เจ้าสิ่งนั้นอยู่ด้านบน กระทั่งเวลาแบบนี้ใบหน้าของหลานวั่งจียังคงดูเย็นชาและสูงส่ง หากไม่เพราะลมหายใจของเขาดูติดๆขัดๆ มันคงจะบอกไม่ได้เลยว่าเขากำลังกระทำกิจกรรมอย่างว่าอยู่หากมองดูแต่สีหน้าของเขา เขาช้อนสะโพกของเว่ยอู๋เซียนขึ้นมาด้วยมือทั้งสองจากนั้นก็คุกเข่าบีบมันโดยไม่ออมแรง ทิ้งรอยช้ำสีน้ำเงินม่วงเอาไว้จนทั่ว เขาก้มศีรษะลงมาเพื่อลิ้มรสจุดสีแดงบนหน้าอกของเว่ยอู๋เซียนด้วยริมฝีปาก หยอกเย้าขบกัดเบาๆ ในขณะที่เว่ยอู๋เซียนกำลังกลืนกินตัวตนของเขาเข้าๆออกๆ เจ้าท่อนสีม่วงฉ่ำชื้นผลุบหายเข้าไปอีกครั้งและอีกครั้งในช่องทางรักนั่น มันให้ความรู้สึกยอดเยี่ยมกระทั่งเสียวซ่านไปจนถึงหนังศีรษะ

อีกด้าน, หลานจ้านกำลังสังเกตเว่ยอิงที่ดูเหมือนจะใกล้หมดลมหายในอีกไม่ช้า ทันใดนั้นเขาก็ฉีกเสื้อผ้าของตนเองออก แล้วขยำไปที่อกซ้ายของเว่ยอิงจากนั้นก็ฝังสิ่งนั้นเข้าไปในร่างของเว่ยอิงอีกครั้ง

ในที่สุดเว่ยอิงก็หายใจกลับมาเป็นปรกติ ตอนนี้ร่างกายของเขาไวต่อการถูกสัมผัสเป็นอย่างมาก ทำไมข้าถึงถูกปฏิบัติด้วยแบบนี้หล่ะ?เขาพึมพำ ภายในช่องทางของเขากำลังตอดแน่น ทันใดนั้นน้ำตาก็หยดลงมาอาบแก้มทันที

นี่ดูเหมือนว่าตอนนี้หลานจ้านกำลังโมโหเจ้าจุกสองจุกบนหน้าอกของเขา, ทั้งบีบเค้น ฟอนเฟ้น บิดขยี้พวกมันอย่างแรงจนส่งผลให้ปลายแท่งเนื้อของเขาเป็นสีแดงและบวมเป่ง  ทุกครั้งที่เขาถูกสัมผัส ผนังด้านในของเว่ยอิงก็บีบรัด ตอดกระตุกอย่างแรง ความอ่อนนุ่ม อุ่นร้อนของเนื้อหนังดูดกลืนท่อนเอ็นอย่างแนบแน่น พอดิบพอดีเข้ากับรูปทรงส่วนนั้นของหลานจ้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เว่ยอิงร้องครวญคราง, “หลานจ้าน, ข้าผิดไปแล้ว, ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรเรียกท่านว่าไร้เดียงสา, ข้าไม่น่าพูดว่าท่านไม่เข้าใจเรื่องอย่างว่า, ข้าจะไม่สอนอะไรท่านทั้งนั้น หลานจ้าน,หลานจ้าน ท่านได้ยินข้าหรือไม่? คุณชายรองสกุลหลาน, ท่านพี่หลาน...

ได้ยินเสียงหวานขึ้นจมูกในคำสุดท้าย, การเคลื่อนไหวของหลานจ้านก็ลดความเร็วลงเล็กน้อย เขาก็อยากจะแสดงความเมตตาปราณีอยู่หรอกนะ  ภายใต้ดวงตาที่ฉ่ำวาว, เขาจึงเคลื่อนกายไปยังใบหน้าของเว่ยอิงแล้วประทับจูบอ่อนโยนไปยังริมฝีปากที่กำลังอ้อนวอนนั่น

เว่ยอิงรู้สึกราวกับว่าร่างกายส่วนล่างของเขากระทบเข้ากับศิลาแข็งๆ รู้สึกถึงความร้อนจากเจ้าสิ่งนั้น รู้สึกเจ็บรอบๆเอว ในขณะที่เม็ดสีแดงบนหน้าอกถูกหยอกเย้า เข้าเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ลอยคว้าง แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าการจู่โจมเบื้องล่างของเขาเชื่องช้าลง หน้าผากทั้งสองกระทบกันอีกครั้งทั้งริมฝีปากทั้งสองกลับมาพัวพัน พวกเขาค่อยๆลิ้มรสชาติความหอมหวานทีละนิด เว่ยอิงเปิดเปลือกตาแล้วเห็นแพขนตาสีดำยาวหนาของหลานจ้านอยู่ห่างไปไม่กี่นิ้ว ตอนที่หลานจ้านกำลังตั้งอกตั้งใจจูบเขา, นั่นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น

ดังนั้น, เว่ยอิงจึงอ้าปากขึ้นเช่นกัน, เขาดูดดึงริมฝีปากของหลานจ้านเบาๆ, เขาพึมพำว่า, “…ข้าต้องการมากว่านี้....

เขาหมายถึงการจูบ, แต่หลานจ้านกลับเข้าใจผิดไป, จึงเร่งจังหวะกระแทกเข้าไปอีก, เว่ยอิงอ้าปากค้างอยู่หลายครั้ง เขารีบโอบลำคอของหลานจ้านไว้และคิดที่จะเริ่มจูบก่อนบ้าง

ในตอนแรก, เว่ยอิงคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากแน่ๆที่เจ้าสิ่งนั้นเสียบเข้ามาด้านในของเขาเป็นเวลานานๆ แต่หลังจากนั้น เขาก็ค้นพบว่า มันมีความรู้สึกอย่างอื่นนอกจากความ เจ็บปวด ทรมาน และเมื่อยล้า ค่อยๆถูกกระตุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่อุปกรณ์ทรงงัดของหลานจ้านเสียบเข้ามาโดนจุดกระสันของเขาเต็มๆ ความรู้สึกนั้นถูกส่งผ่านไปยังทุกส่วนของร่างกาย มอบความซ่านสุขอิ่มเอมเสียจนร่างกายของเขาสั่นสะท้าน เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกกระแทกแรงขึ้น แรงขึ้น ส่วนหน้าของเขาหลั่งของเหลวสีขาวออกมามากขึ้น มากขึ้น เขาควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ให้ขยับสะโพกตอบรับไม่ได้เลย บางครั้งหากหลานจ้านกระแทกเข้ามาไม่ตรงจุด เขาจะเป็นฝ่ายนำและพยายามอย่างที่สุดที่จะร่วมแรงอำนวยความสะดวกให้ กระทั่งเอ่ยวาจาอ้อนวอนเขาก็จะทำ

เว่ยอิง, “…พี่...พี่ชาย...พี่ชายสกุลหลาน..ดะ...ได้โปรด..

หลานจ้านจับอารมณ์ของเขาได้, เสียงของเขาทุ้มต่ำ, ได้โปรดสิ่งใด?

เว่ยอิงประครองแก้มของเขาแล้วระดมจูบไม่หยุด, กระซิบ, “ได้โปรดทำตรงนั้น, เหมือนตอนก่อนหน้า, กระแทกตรงจุดนั้น, ได้หรือไม่...?

เป็นไปตามความประสงค์, หลานจ้านจับสะโพกของเขาในท่าที่เขาต้องการ ใช้การกระแทกอย่างแรงเป็นพิเศษอีกสองสามครั้ง เว่ยอิงร้องออกมาอย่างตกใจ, ใช้แขนขาตัวเองรัดรอบกายของเขาไว้ทั้งกรีดร้องว่า นี่มัน...

หลานจ้านรีบปิดปากของเขาไว้ด้วยริมฝีปากของตน, ใช้สมาธิไปกับการจูบ

เว่ยอู๋เซียนคนปัจจุบันกำลังจูบกับหลานวั่งจีอย่างอ้อยอิ่งเช่นกัน, ลิ้นของเขาวาดไปรอบๆริมฝีปากของอีกฝ่าย, ได้ยินเสียงว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นอีกด้าน, เว่ยอู๋เซียนจึงเอ่ยขึ้น, “หานกวงจวิน, ท่านฝั่งนั้นถึงจุดสุดยอดแล้ว

หลานจ้านที่กายเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อตระกองกอดเว่ยอิงเอาไว้เช่นกัน, พวกเขานอนอยู่บนเสื่อที่ตอนนี้ยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว หน้าอกของเว่ยอิงกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง ดวงตาของเขายังเหม่อลอย แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ถอนกายออกจากกัน ตรงนั้นของเขายังคงดูดกลืนสิ่งนั้นของหลานจ้านอย่างแนบแน่น มันแน่นมากเสียจนไม่มีอะไรหยดออกมาจากรอยต่อของทั้งสองได้

เว่ยอู๋เซียนยกยิ้ม, ดูนั่นสิ ไม่ใช่ว่าพวกเราควรจะ...

หลานวั่งจีพยักหน้าแล้ววางเว่ยอู๋เซียนราบลงไปกับเสื่อ ตั้งสะโพกมั่นคงแล้วเขาจึงสอบเอวใส่กายของเว่ยอู๋เซียนอีกไม่กี่ครั้งก่อนจะปล่อยความสุขสมเข้าไปในนั้น

เว่ยอู๋เซียนปลดปล่อยลมหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย รู้สึกยอดเยี่ยมที่สุด, ก็หลังและสะโพกของเขาไม่ได้หลอมมาจากเหล็กกล้านี่นา หลังจากทำกันมาได้สักพักใหญ่ ดูผู้เยาว์ทั้งสองทำกัน เขาก็แทบหมดแรง แต่หลานวั่งจียังไม่ได้ดึงเจ้าสิ่งนั้นออกมา หากแต่มันยังคงค้างอยู่ในร่องรักของเขา หลานวั่งจีกำลังปรับเปลี่ยนท่าทางของเขาใหม่

เว่ยอู๋เซียน, “หานกวง-...จวิน?”

หลานวั่งจียิ้มอ่อน เขาเคลื่อนเข้าไปใกล้ใบหูของเว่ยอู๋เซียนแล้วเอ่ยเสียงนุ่มสองสามคำ

เว่ยอู๋เซียน, “....เอ่อ, เดี่ยวนะ? ที่บอกว่าเอากับเขาให้จงหนักไปทั้งคืนนั้น ข้าหมายถึง ให้หลานจ้านในวัยเยาว์ในฝันของท่าน ทำกับข้าวัยเยาว์ในฝัน ให้จงหนักไปทั้งคืนไง?  ข้าไม่ได้หมายถึง...หลานจ้านคนนี้? ทะ..ท่านพี่? ได้โปรดไว้ชีวิตข้าาาา!!!”




8 ความคิดเห็น: